Sc4logo-nv5-dk-ccw-377
010-cr-thai

จานีน ยโสวันต์

pageicon-1014

October 2014

นายแพทย์รังสิต ทองสมัคร เป็นบัญฑิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในประเทศไทย ในความคิดของดิฉันคุณหมอ

เป็นบุคคลตัวอย่างที่สามารถจัดการงานอาชีพและงานอดิเรกได้มีประสิทธิภาพใน

ฐานะที่เป็นช่างภาพอิสระ คุณหมอรังสิตและทีมงานร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่ง

ประเทศไทยโดยการถ่ายภาพภูมิประเทศ ผู้คนและกิจกรรมพื้นบ้านไทยที่น่าสนใจ

นอกเหนือไปจากนี้พวกเขายังช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย จากน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่

ของประเทศไทย

 

Regarding Life and Love - Janine Yasovant - Scene4 Magazine Special Issue - October 2014 www.scene4.com

 

ดิฉันรู้สึกภูมิใจที่มีโอกาสได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่มีตรา

สัญลักษณ์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

หรือที่รู้จักกันในนาม ของเจ้าฟ้ามหิดลหรือพระบิดา คำสอนของพระองค์ท่านยัง

เป็นคติพจน์ของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่กล่าวว่า "ขอให้ถือประโยชน์ส่วน

ตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ

จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์"

 

และ คำสอนของพระองค์ท่านที่ดิฉัน อยากจะนำเสนอคือ

"I do not want you to be not only a doctor, but also Iwant you to be a

man.True success is not in the learning but its application to benefit

mankind."

 

ที่แปลได้ใจความว่า

ฉันไม่ได้อยากให้เธอเป็นหมอเพียงเท่านั้น ฉันอยากให้เธอเป็นมนุษย์อีกด้วย

ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในการเรียนรู้ แต่อยู่ที่ใช้ความรู้นั้นเพื่อประโยชน์ต่อ

มนุษยชาติ

 

ข้อความดังต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ระหว่างดิฉันและคุณหมอรังสิตเกี่ยวกับเรื่อง

ของชมรมถ่ายภาพ

 

จานีน: ดิฉันอยากทราบเกี่ยวกับชมรมถ่ายภาพที่คุณหมอดูแลอยู่

 

รังสิต: ในปีพ.ศ. 2530 ตอนที่ยังเป็นช่วงเวลาของกล้องใช้ฟิล์ม ผมรวบรวมสมัคร

พรรคพวกที่รักการถ่ายภาพและได้จัดตั้งกลุ่มถ่ายภาพกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง สมาชิก

ตอนเริ่มแรกมีเพียง 10 คน ในตอนนั้นพวกเราฝึกอบรมนักถ่ายภาพรุ่นใหม่และเมื่อ

กลุ่มของเรามีขนาดใหญ่ขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นชมรมถ่ายภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผมได้รับเลือกให้เป็นประธานของชมรม

 

ชมรมของเราจัดประชุมขึ้นบ่อยครั้งเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ในชมรมรวมทั้งการอบรม

การถ่ายภาพ ทริปท่องเที่ยวระยะสั้น และวารสารทำมือรายเดือน ผมและชมรมมี

ความสุขกับการถ่ายภาพงานบุญประเพณีไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลเดือนสิบ

ที่จัดในเดือน ตุลาคมของทุกปี เรายังจัดบู๊ทถ่ายภาพสไตล์โบราณให้กับลูกค้า ทุก

คนมีความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือกันและกันและรู้สึกสนุกสนานไปกับงาน

 

พอมาถึงช่วงกล้องดิจิตอลสมาชิกรุ่นเก่าหลายคนที่ยังคงใช้กล้องฟิล์มลดบทบาท

ของตัวเองลงและกลุ่มนักถ่ายภาพหลายกลุ่มที่ใช้กล้องดิจิตอลเข้าร่วมกับชมรม

ของเรา เว็บไซต์ของผม "www.krungshing.com" ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2550 ใน

ปัจจุบันเรามีสมาชิกหลายพันคน ทุกคืนวันศุกร์เราจะมีกิจกรรมประชุมที่เรียกว่า

KF3 (KFFF) ที่ย่อมาจาก Krungshing Friday Foto Forum ในช่วงการประชุมเรา

พูดคุยเกี่ยวกับข่าวสารเรื่องการถ่ายภาพและวิพากษ์วิจารณ์ภาพถ่ายที่สมาชิก

นำมาเสนอ กิจกรรมที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือการอบรมแบบเป็นกลุ่มเล็กๆ ซึ่งผู้ฝึกสอน

หนึ่งคนและผู้เรียนอีกสองสามคนออกทริปท่องเที่ยวด้วยกันเพื่อถ่ายภาพ วิธีนี้

ได้ผลดีมากกว่าการฝึกอบรมแบบเป็นกลุ่มใหญ่

 

Regarding Life and Love - Janine Yasovant - Scene4 Magazine Special Issue - October 2014 www.scene4.com

 

คำแนะนำที่ผมมักจะให้กับนักถ่ายภาพมือใหม่ก็คือให้ใช้ภาพถ่ายเพื่อประโยชน์

สูงสุดของสังคม เราต้องเปิดใจยอมให้ภาพถ่ายของเราถูกนำไปใช้ฟรีบ้างในบาง

โอกาส เพื่อวัตถุประสงค์ของประโยชน์ส่วนรวมเราสามารถเล็งเห็นได้ว่าช่างภาพ

ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเรื่องนี้และเต็มใจให้ความร่วมมือ หนังสือรวมภาพที่มีชื่อว่า

"นครศรีธรรมราช" เป็นการรวบรวมผลงานจากนักถ่ายภาพ 31 ท่านที่ส่งรูปภาพ

มากกว่า 10,000 รูปมาให้คัดเลือก มีหนังสือรวมภาพอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้

ปล่อยออกมาคือ "เจดีย์:มรดกธรรมและมรดกโลก" ครั้งนี้จำนวนของนักถ่ายภาพ

เพิ่มเป็น 40 ท่าน เหมือนดังเช่นเคยที่ว่าภาพถ่ายมากกว่า 10,000 รูปอยู่ใน

ขั้นตอนการคัดเลือกสำหรับหนังสือเล่มนี้ พวกเขาไม่เคยทวงถามหรือร้องขอเงิน

ค่าตอบแทนเพราะถือว่านี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนรวม

 

04-cr

 

จานีน: กรุณาเล่าเรื่องเกี่ยวกับการงาน เรื่องส่วนตัว ครอบครัวและความประทับใจ

ในชีวิต

 

รังสิต: ผมจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศในปีพ.ศ. 2521

และจบการศึกษาเป็นแพทย์ในปีพ.ศ. 2527 ผมทำงานใช้ทุนการศึกษาโดยการ

เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม้แก่น ในจังหวัดปัตตานีเป็นเวลาหนึ่งปีและถูกย้าย

ไปประจำที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ในจังหวัดเดียวกันอีกหนึ่งปี หลังจากนั้นผมย้าย

กลับมาที่บ้านเกิดจังหวัดนครศรีธรรมราชและทำงานเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล

ท่าศาลาต่อประมาณ 10 ปีแล้วจึงลาออกจากงานมาทำธุรกิจส่วนตัว

 

สำหรับเรื่องของชีวิตครอบครัว ผมได้สมรสกับด็อกเตอร์สมพรที่เป็นพยาบาลจาก

โรงพยาบาลรามาธิบดี พวกเราเจอกันตอนที่เธอไปทำงานใช้ทุนในจังหวัดสงขลา

บุตรทั้งสามคนอยู่ในสายการแพทย์ทั้งหมด ลูกชายคนโตอายุ 27 ปีเป็นเภสัชกรที่

จบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ลูกชายคนที่สองอายุ 22 ปีกำลังเรียนทันตแพทย์ปีสี่

ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลูกสาวคนสุดท้องอายุ 20 ปีได้รับทุน ODOS และกำลัง

ศึกษาแพทย์ปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

 

007-cr

 

ครอบครัวของเราเติบโตมากับธรรมชาติในชนบท เห็นป่าไม้และทะเลตั้งแต่ยังเป็น

เด็ก พวกเราจะไปท่องเที่ยวด้วยกันปีละ 2 ครั้ง ขับรถแบบสบายๆ ไปที่หลายๆ

จังหวัดในประเทศไทย คอยสังเกตเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนและการดำเนินชีวิตที่ต่างกัน

ลูกชายและลูกสาวจะได้เห็นมุมมองที่กว้างมากกว่าเดิมเกี่ยวกับผู้คนจะได้มีการ

พัฒนาด้านการเป็นผู้นำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

จากการที่ได้สังเกตลูกชายลูกสาวทั้งสามคนแล้วผมรู้สึกภูมิใจในหลายๆประการ

ตอนที่ลูกชายคนโตกำลังเรียนเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วันหนึ่งเขา

โทรมาบอกว่าต้องไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลและต้องไปนอนค้างคืน

ก่อนที่แม่ของเพื่อนจะมาถึงโรงพยาบาล ผมรู้สึกมีความสุขที่ลูกชายทราบว่า

เพื่อนไม่มีความสุขและพยายามดูแลเพื่อนให้มากเท่าที่จะทำได้ ลูกชายลูกสาวทั้ง

3 คนเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีและมีเพื่อนเยอะ ในช่วงวันหยุดหน้าร้อนเพื่อนๆจะมา

เยี่ยมที่บ้านในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปีที่เพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวทั้ง 24 คนมา

เยี่ยมบ้านเพื่อจัดงานเลี้ยงอำลาและค้างคืนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

เรียนต่อในสถาบันการศึกษาที่ต่างกัน

 

19-cr

 

จานีน: คุณหมอมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง

 

รังสิต: ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน พยายามลดผลประโยชน์ส่วนตัว

และช่วยเหลือสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ผมเชื่อว่า

ทุกคนอยู่ในมิติทางสังคมที่ต่างกันและพวกเราสามารถทำหลายๆ สิ่งเพื่อช่วยเหลือ

สังคมของเราให้ดีกว่าเดิม อย่างน้อยที่สุดเราต้องคิดบวกและทำสิ่งที่ถูกต้อง

จากนั้นทุกสิ่งจะดีขึ้นในที่สุด

 

15-cr

 

จานีน: คุณหมอมีความคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับสังคมไทยอย่างไรบ้าง

 

รังสิต: จากประสบการณ์ของผมมีสามประการในสังคมไทยที่จะต้องได้รับการ

แก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประการแรกคือบางคนกลัวที่จะตัดสินใจและทำ

บางสิ่งบางอย่างด้วยตนเอง บางครั้งก็ชอบตามความคิดเห็นของคนอื่นแม้จะรู้ว่ามัน

ไม่ถูกต้องและไม่มีสาระ อีกทั้งยังไม่กล้าที่จะคิดออกนอกกรอบแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็น

ทางที่ดีกว่าก็ตาม ประการที่สองบางคนคิดทฤษฎีที่เป็นประโยชน์มากมายแต่ไม่

ยอมทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในสถานการณจริง บางครั้งก็ใช้เวลาคิดมากเกินไป

และจงใจละทิ้งความคิดใหม่ๆ ยึดติดกับความคิดโบราณที่ใช้การไม่ได้อีกแล้ว ทำ

ให้เป็นคนคิดย่ำอยู่กับที่และผลงานที่ออกมาขาดภูมิความรู้ใหม่และไม่มีความ

หลากหลาย ประการสุดท้ายหลายคนกลายเป็นนักรบคีย์บอร์ดที่ไม่สามารถจะสู้

หน้าคนอื่นในชีวิตจริงได้ พวกเขาไม่ยอมรับฟังความเห็นดีๆ จากคนอื่นๆ โต้เถียง

โดยใช้เหตุผลที่ไม่เป็นความจริงโดยที่ไม่ยอมรับสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ท้ายที่สุด

นี้ผมหวังว่าทุกคนจะรักษาสิทธิ์ตนเอง เคารพสิทธิผู้อื่นและมีความคิดสร้างสรรค์

มากขึ้น

 

จานีน: สำหรับคำถามสุดท้าย คุณหมออยากจะบอกอะไรเกี่ยวกับประสบการณ์ที่

น่าจดจำและมีคุณค่าสำหรับคุณและทีมงานที่คุณไม่อยากจะลืม

 

รังสิต: ผมอยากจะเรียกเรื่องนี้ว่า "เมื่อตากล้องกลายเป็นแกนนำช่วยน้ำท่วม"

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554 แต่ขอให้ผมพากลับไปยังปลายปี

พ.ศ. 2553 ก่อน ในตอนนั้นจังหวัดนครศรีธรรมราชประสบภัยน้ำท่วมหนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเชิงเขาหลวง ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ต้องคิดกลวิธีต่างๆ

เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน เราจัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คอยช่วยเหลือคนที่ยังไม่ได้

รับความช่วยเหลือและเสบียงของใช้จากรัฐอันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดในบัญชี

รายการมอบความช่วยเหลือ สมาชิกหลายท่านในชมรมเป็นแพทย์ พยาบาล

เภสัชกร และทันตแพทย์ พวกเราเปิดรับเงินบริจากจากเว็บกรุงชิงที่ผมดูแลอยู่ เรา

ได้รวบรวม เงินบริจาคได้มากกว่า 45,000 บาท จัดตั้งกองทุนที่เรียกว่า "กองทุน

ช่างภาพช่วยน้ำท่วม" มีคณะกรรมการสามท่านที่ดูแลเรื่องเงินบริจาคนี้ พวกเรา

เคลื่อนย้ายไปยังหมุ่บ้านที่อยู่ห่างไกลและทีมนักถ่ายภาพของเราช่วยกันบรรจุ

อาหาร ยารักษาโรคและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มใส่ลงในถุงส่งไปทางรถปิ๊กอัพ เราทำ

เช่นนี้ด้วยใจบริการและมีความสุขไปด้วย หลังจากที่เราเดินทางไปยังหมู่บ้าน

ห่างไกลเป็นครั้งที่ 4 ระดับน้ำลดลงจนถึงระดับปกติถือว่าภาระกิจของเราประสบ

ความสำเร็จ เงินทุนเหลืออยู่ประมาณ 25,000 บาท

 

สามถึงสี่เดือนต่อมา ประมาณวันที่ 20 – 22 มีฝนตกหนักต่อเนื่องปริมาตร 2,000

มิลลิเมตรกินเวลา 7 วัน น้ำจากเขาหลวงและเขาน่านไหลท่วมพื้นที่ตำบลกรุงชิง

อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช แผ่นดินถล่มสร้างความเสียหายให้กับ

บ้านเรือน ถนนหนทาง สะพาน สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า และท่อประปา การ

สื่อสารถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง

 

กลุ่มไกด์ทัวร์ที่เรียกว่า"ทาร์ซาน" มาพูดคุยกับผมและหัวหน้ากลุ่มที่เรียกว่า

ทาร์ซานบอยกล่าวว่าเขาจะเข้าพื้นที่กรุงชิงโดยใช้ทางถนนและสามารถข้ามแม่น้ำ

อันเชี่ยวกรากโดยใช้เชือกและได้ถ่ายภาพสถานที่จริงมาให้ชุดหนึ่ง ผมรีบส่งภาพ

เหล่านั้นขึ้นเว็บไซต์ของผมทันทีและย้ายทีมช่วยเหลือไปยังสวนฝากฟ้าที่ผมเคย

ไปปลูกต้นไม้ไว้เมื่อนานมาแล้ว สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นจุดประสานงานกับอาสาสมัคร

ในพื้นที่ พวกเราปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและแจกจ่ายทุกคนในบริเวณนั้น ทุกวันพวก

เราออกผจญภัยช่วยเหลือชาวบ้านและเจ้าหน้าที่แพทย์อาสาสมัครเคลื่อนเข้าพื้นที่

โดยใช้ทางถนน

 

ผมยังใช้เฟสบุ๊คแพร่กระจายข่าวและติดต่อคุณจี๊ด จิระนันท์ พิตรปรีชา และกลุ่มนัก

ถ่ายภาพทั่วทั้งประประเทศไทย พวกเราได้รับความร่วมมือช่วยเหลือดีมาก

ภาพถ่ายบริเวณที่เสียหายถูกนำไปจัดนิทรรศการที่เรียกว่า"น้ำใต้ น้ำตา น้ำใจ"ที่

ศูนย์สรรพสินค้าพารากอน พวกเราใช้สื่อโทรทัศน์และหนทางต่างๆที่มีอยู่รวมทั้ง

กลุ่มนักถ่ายภาพในหลายๆ จังหวัดเพื่อสมทบทุนโครงการนี้ ในเวลานี้ยอดเงิน

บริจาคมีมากกว่า 2,500,000 บาทอยู่ใน "กองทุนช่างภาพช่วยน้ำท่วม"

 

อาสาสมัครที่สังเกตตรวจตราความเสียหายและช่วยเหลือซ่อมแซมระบบประปา

ภูเขาสำหรับ 11 หมู่บ้านในหุบเขากรุงชิงได้ประสบความสำเร็จ ต่อมาหน่วยงานรัฐ

และองค์กรเอกชนต่างๆ เข้ามาร่วมมือกับเรา

 

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่กลุ่มของช่างภาพเป็นผู้นำหลักที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัย

ธรรมชาติครั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย นอกเหนือไปจากนี้

นอกจากนี้เงินกองทุนที่เหลืออยู่ในขณะนั้นสามารถนำไปสนับสนุนภัยภิบัติที่อื่น ๆ

อีกหลายแห่ง เช่น น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพและพื้นที่ภาคกลาง น้ำท่วมแม่สอด น้ำ

ท่วมสังขละบุรี น้ำท่วมจังหวัดสระแก้ว และไฟป่าแก่งกระจาน เป็นต้น

 

สำหรับผมและทีมงานแล้ว นี่เป็นงานที่สำคัญอย่างมากและเติมเต็มความปรารถนา

ให้กับชีวิต

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

Scene4 Magazine: Janine Yasovant
จานีน ยโสวันต์ เป็นนักเขียน
เธออาศัยอยู่ในเชียงใหม่ประเทศไทย

สำหรับบทความและบทวิจารณ์อื่นๆ ของ จานีน ยโสวันต์
กรุณาตรวจดู แฟ้มเก็บข้อมูล:

Search Janine Yasovant

©2014 Janine Yasovant
©2014 Publication Scene4 Magazine

 

Sc4Logo-specialissue-7cmb-0

October 2014

pageicon-1014

 

Cover | This Issue | Blogs | Comments | Contact Us | Recent Issues | Special Issues Masthead | Contacts&Links Submissions | Advertising | Subscribe | Books | Your Support | Privacy | Terms | Archives
Search This ISSUE

Search This Issue

Search The ARCHIVES

Search The Archives

 Share This Page

Email

Share in Facebook

Facebook

 


Scene4 (ISSN 1932-3603), published monthly by Scene4 Magazine - International Magazine of Arts and Culture. Copyright © 2000-2014 AVIAR-DKA LTD - AVIAR MEDIA LLC. All rights reserved. Now in our 15th year of publication with Worldwide Readership in 116 Countries and comprehensive archives of 8000 pages.
 

The Art of Capital for the Arts
Julius Krinski NUDITY - authorized edition -  Scene4 Books/Aviarpress www.aviarpress.com
Hollywood Red: The Autobiography of Lester Cole  ©2013 Scene4 Books  www.aviarpress.com
Character Flaws by Les Marcott at www.aviarpress.com
Bookends by Carla Maria-Verdino Süllwold - Scene4 Magazine - www.scene4.com
Thai Airways at Scene4 Magazine