บทสัมภาษณ์นี้เป็นความพยายามของดิฉันที่จะทำความเข้าใจคุณพไรวา ไรวา
ประติมากรชาวไทยผู้ที่กล่าวด้วยความถ่อมตนว่าเขานั้นยังไม่มีชื่อเสียง สิ่งที่
ดิฉันเห็นในตัวเขาคือความมุ่งมั่นในการทำงานและความพ่อใจต่อชีวิตที่เป็นอยู่ใน
ปัจจุบัน ในช่วงเวลาหนึ่งดิฉันได้สังเกตงานเขียนและการอธิบายผลงานทาง
เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ดิฉันรู้สึกว่าการคิดและการตัดสินใจของเขาต่างออกไปจาก
การที่เขาไปพบปะสังสรรค์
และท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์ไปยังหลายๆแห่งในประเทศไทย
สิ่งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากงาน
ประจำของเขา เป็นเวลาหลายปี ที่ดิฉันพยายามขอนัดหมายเพื่อการสัมภาษณ์
ตอนที่ เขาเดินทางมาเชียงใหม่ แต่การสัมภาษณ์ครั้งนั้นถูกเลื่อนเวลาออกไป
เนื่องมาจากเวลาและโอกาสยังไม่เหมาะสม คราวนี้ดิฉันโชคดีมากกว่าเดิม
ปีพ.ศ. 2559 นี้คาดกว่าจะเป็นปีทองของการทำงานของเขา
จานีน: ดิฉันอยากทราบเรื่องงานของคุณในฐานะที่เป็นประติมากร
พไรวา: ในตอนแรกผมไม่ได้อยากเป็นประติมากร ตอนที่ผมยังเด็กผมอยากเรียน
วาดรูปเลยไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยช่างศิลป์แต่ผมได้ลาออกก่อนที่จะเรียนจบ ตอน
ที่ผมมีอายุ 19 ปีผมย้ายออกจากบ้านไปอยู่บนเขาในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
หลายครั้งเป็นเวลาหลายปี ตอนนั้นผมสงสัยว่าชาวไทยบนภูเขาฝันเกี่ยวกับอะไร
เมื่อไม่มีไฟฟ้า พวกเขาบอกผมว่าฝันเกี่ยวกับสัตว์ป่า ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ในอดีตผมอยากจะมีชีวิตอิสระในการทำงาน แต่ผมเริ่มทำงานกับบริษัทโฆษณา
และออกแบบผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยขอเงินจากครอบครัวเพราะ
ผมสามารถ ดูแลตัวเองด้านการเงินได้ดีแล้วครับ แต่มีหลายคนยังคิดว่าครอบครัว
ยังดูแลผมอยู่และผมมองว่าคง มีรายจ่ายสูงเพราะเห็นผมออกไปสังสรรค์กับเพื่อน
ทีม ที่มีบิ๊กไบค์ราคาแพง มันอาจเป็น ส่วนหนึ่งที่ผมชอบและรู้สึกพอใจ ในความ
เป็นจริง ความคิดของคนมองดูจะต่าง ทุกอย่างที่เป็นผม ของผมทุกสิ่งทุกอย่างนั้น
ไม่ได้มาโดยง่ายดาย มันจึงไม่สมจริงที่จะซื้อ Harley Davidson ตอนที่คุณมีอายุ
เพียง 20 ปี ผมใช้เวลามากกว่า 20 ปีในการเก็บเงิน และท้ายที่สุดตอนที่ผมมีอายุ
ประมาณ 40 ปีนะครับ ผมจึงตัดสินใจซื้อ
ผมต้องการจะบอกว่างานของผมตอนที่เป็นประติมากรเริ่มต้นในช่วงกลางของชีวิต
ของผม นี่เป็นมุมมองสำคัญที่ผม อยากบอกเยาวชนที่เห็นตัวผมและทีมงาน ไม่มี
อะไรที่ได้มาโดยง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งของสะสมที่มีราคาแพง เราต้องเรียนรู้ว่า
เราต้องการอะไรและรักษามันไว้เหมือนเป็นขุมสมบัติ
จานีน: ดิฉันอยากทราบเรื่องงานประติมากรรม คุณบอกดิฉันเกี่ยวกับความฝันและ
คุณเข้าไปอาศัยอยู่ในป่า อะไรคือลักษณะประติมากรรมที่คุณได้ทำไว้
พไรวา: พูดถึงผลงานประติมากรรมสัตว์ชิ้นแรกเป็นวัวกระทิง โลหะบรอนซ์ในวัน
นั้นผมไป ทำงานที่โรงหล่อแห่งเดียวกับท่าน อาจารย์นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน
ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ และคุณธงชัย ศรีสุขประเสริฐ ที่ไปใช้บริการที่นั่น
เจ้าของโรงหล่อและทีม ช่วยทำให้งานของผมเสร็จสิ้น ผมคิดว่าในตอนเริ่มต้นของ
วันนั้นทำให้ผมสร้างผลงานในความฝันให้กลายเป็นความจริง ผมรู้สึกภาคภูมิใจ
มาก ต่อมางานของผมมีความหลากหลายแต่ยังคงรักษาแนวคิดในเรื่องของสัตว์ป่า
และป่าไม้
มีผลงานรูปปั้นอีกชิ้นหนึ่งที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจ คุณแดน เหตระกูล ตัวแทนของ
นิตยสารเพลย์บอย ประเทศไทยช่วยให้ผมติดต่อกับคุณฮิวจ์ เฮฟเนอร์ผู้ที่ซื้อ
ผลงานประติมากรรมของผมไปเก็บในคฤหาสน์ที่ลองบีช แคลิฟอร์เนีย ผลงาน
หลายๆชิ้นของผมไปอยู่ในในอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย Moca Thailand
ผลงานชิ้นต่อๆมาถูกซื้อไป โดยนักสะสมหลายท่านที่รักงานศิลปะในประเทศไทย
จานีน: มีอะไรที่อยากจะบอกกล่าวบ้างไหมคะ
พไรวา: ผมมีคำแนะนำสำหรับทุกคน ทุกสิ่งนั้นถูกทำขึ้นมาโดยผ่านแรงบันดาลใจ
ของของศิลปินจะสะท้อนความคิด ความอดทนและความเป็นจริง ศิลปินรุ่นใหม่
ต้องวางแผนการทำงานด้วยความระมัดระวัง และจากนั้นทำงานอย่างต่อเนื่อง
ถ้าต้องการจะไปให้ถึงเป้าหมาย อย่าเสียเวลาอย่างไม่จำเป็นโดยที่ไม่มีเป้าหมาย
เช่นเดียวกันที่การวางแผนชีวิตเพื่อความคิดสร้างสรรค์นั้นมีแนวคิดแบบเดียวกัน
นั่นก็คือว่าการวางแผนที่ดีจะลดเวลาทำงานได้มาก ผมเชื่อว่าโอกาสและการดู
จังหวะเวลาเป็นมุมมองที่สำคัญ ชีวิตผมไม่ได้ฟุ่มเฟือยและไร้เดียงสาดังที่หลาย
คนเชื่อ ผมต้องอยู่ได้ด้วยตนเองภายในงบประมาณที่จำกัดและผมยังต้องดูแล
ตัวเองให้ตระหนักถึงความฝันเพื่อการออกแบบชีวิตตัวผมเอง การทำงานช่วยให้
ผมเป็นตัวเองอย่างแท้จริง ผมโชคดีที่ได้ทำทุกสิ่งที่ต้องการในชีวิตนี้ ผลงาน
โปรเจ็คที่สองยังคงเป็นความลับที่ผมอยากเก็บเอาไว้อีกสักพักหนึ่ง ผมเก็บภาพ
ทั้งหมดที่อยู่ในความฝันในความทรงจำไว้เป็นแรงบันดาลใจ ผมมีความสุขที่ความ
ฝันของผมบางส่วนกลายเป็นความจริง ผมพบว่าตัวเองมีความพอใจและความสุข
กับผลงานทุกชิ้น ท้ายที่สุดนี้ผมอยากให้ทุกคนได้ชื่นชมผลงานที่ผมได้พยายามทำ เมื่อฝันกลายเป็นจริง
|
|