Scene4-International Magazine of Arts and Culture www.scene4.com
NARONGDEJ SUDJAI | Janine Yasovant | Scene4 Magazine-November 2018 - www.scene4.com

ณรงค์เดช สุดใจ

ผมเชื่อว่าศิลปินที่ดีไม่ได้เกิดมาเพื่อรับใช้ตัวเองเท่านั้น
พวกเขาควรจะรับ
ใช้ผู้อื่นด้วย

จานีน ยโสวันต์

Img01-cr

สำหรับเดือนนี้ดิฉันอยากแนะนำศิลปินที่จริงใจท่านหนึ่งจากอำเภอเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย แม้ว่าจะมาจากกรุงเทพ คุณณรงค์เดชตัดสินใจที่จะพำนักอยู่ที่
อำเภอเชียงแสนเป็นเวลามากกว่า 30 ปี มีโฮมแกลเลอรี่หลังเล็ก ชื่อ  Opium Art
by Narongdej  อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ฝิ่น อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

ดิฉันเคยพบกับคุณณรงค์เดชเมื่อสามปีที่แล้วที่พิพิธภัณฑ์ฝิ่นใกล้กับแม่น้ำโขง
จากที่นั่นเราจะเห็นชายแดนประเทศลาว ประเทศเมียนมาร์และประเทศไทย
เช่นเดียวกับคาสิโนหลังคาสีทองที่รูปร่างคล้ายคลึงกับมัสยิด มีเรือหาปลาแล่น
ผ่านไปมา

ข่าวของทีมฟุตบอลหมูป่าติดอยู่ในถ้ำที่จังหวัดเชียงรายได้กระตุ้นให้ศิลปินทำ
กิจกรรมเพื่อคนเหล่านั้น ดิฉันมีความประสงค์ให้คุณณรงค์เดช สุดใจที่อาศัยอยู่ที่
จังหวัดเชียงรายมาเป็นเวลามากกว่า 30 ปี พูดถึงเรื่องจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นเมือง
แห่งศิลปะทางภาคเหนือของประเทศไทย ความกลมเกลียวและความร่วมมือของ
ศิลปินลุ่มแม่น้ำโขง

Img02-cr

จากนี้ไปเป็นบทสัมภาษณ์

จานีน: ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของถนนสายศิลปิน จังหวัดเชียงรายและ
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของจังหวัดในด้านความร่วมมือและการประชาสัมพันธ์

ณรงค์เดช: บางคนอาจสงสัยว่าการที่ศิลปินมารวมกันอยู่ที่เชียงรายอาจจะเป็น
เรื่องที่เกินคาดหมาย จุดเริ่มต้นอาจจะเกิดขึ้นจากตอนที่อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และ
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กลับมาพัฒนาบ้านเกิดจังหวัดเชียงรายหลังจากที่
ประสบความสำเร็จในกรุงเทพ หลังจากนั้นศิลปินรุ่นถัดมาก็ได้มีโอกาสร่วมแสดง
งานกับท่านทั้งสองแบบใกล้ชิด นี่คงจะเป็นการก่อกำเนิดเกิดขึ้นของกลุ่มศิลปิน
เชียงรายอีกมากมายหลายกลุ่ม นอกเหนือไปจากนี้รวมทั้งศิลปินรุ่นถัดมาเริ่มเรียน
จบ และ บางท่านเริ่มมีชื่อเสียง หลายๆท่าน ได้ตัดสินใจกลับบ้านเชียงรายมาเป็น
ศิลปินอาชีพแบบเต็มตัวเหมือนกับศิลปินรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย ในความเห็นของผม
จังหวัดเชียงรายมีความเจริญเติบโตรวดเร็วในเรื่องศิลปะ ศิลปินเชียงรายนับว่าโชค
ดีที่มีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้ซึ่งเข้าใจบริบทของการทำงานศิลปะจาก
ศิลปินรุ่นใหม่ ท่านเป็นศิลปินผู้มีความรู้และสั่งสอนเทคนิคต่างๆ ทางงานศิลปะ
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ ท่านเคยสอนพวกเราว่าพี่น้องศิลปินต้องเคารพ
ตามลำดับอาวุโส ศิลปินรุ่นพี่คอยสอนรุ่นน้องและมีความสามัคคีกัน

Img03-cr

จานีน: งานโครงการสร้างสรรค์แบบไหนที่คุณอยากกล่าวถึง

ณรงค์เดช: เรื่องงานที่สร้างสรรค์ที่น่าสนใจอยากกล่าวถึงนั้นคงมีมากมาย
หลากหลาย งานแรกเป็นงานที่ทำในวันฟ้าร่ำไห้ทั่วแผ่นดินเมื่อพวกเราคนไทยทั่ว
ทั้งแผ่นดินสูญเสียพ่อของแผ่นดิน ศิลปินขัวศิลปะได้รวมตัวกันเขียนภาพ “พ่อของ
แผ่นดิน” ขึ้นมาเพื่อเทอดพระเกียรติ ภาพมีขนาดใหญ่มากประมาณ 9 เมตร x 19
เมตร งานนั้นเราทำงานด้วยรอยน้ำตาในเวลาเดียวกันแต่เปี่ยมไปด้วยความ
จงรักภักดีต่อพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้ เราใช้เวลาทำน้อยมากและรู้สึก
ภาคภูมิใจกับผลงานที่ได้ พอเสร็จสิ้นงานที่เชียงราย ก็มีโอกาสได้เข้ากรุงเทพร่วม
กันลงสีสัตว์หิมพานต์ เพื่อประดับรอบๆ พระเมรุมาศ ถือ ว่าได้มีโอกาสรับใช้ พ่อ
ของแผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย อีกงานที่น่ากล่าวถึงในที่นี้คืองาน “The Heroes” เป็น
งานที่ เกิดขึ้นจากการคิดของ ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แล้ว ถ่ายทอด
ออกมาเป็นชิ้นงาน ขนาด 9x13 ม. ใช้ศิลปิน ร่วม 100ท่าน ใช้เวลา สองอาทิตย์
ในการดำเนินการ เรียกว่า ศิลปินเชียงราย ใช้ความรัก ความสามัคคี ในการร่วมกัน
ทำงานอย่างมีความสุข

Img04-cr

จานีน: คุณคิดเห็นอย่างไรกับการให้ความร่วมมือกันทำงานระดับชาติระหว่างตัว
คุณและกลุ่มศิลปินอื่นๆ

ณรงค์เดช: การทำงานในระดับชาติที่ผ่านมาพวกเราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราควร
จะต้องทำและไม่ควรที่จะปฏิเสธเด็ดขาด เมื่อมีโอกาสได้ทำงานเพื่อคนอื่นและ
เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้ดีขึ้นเราควรจะต้องรีบทำ เพราะเราไม่รู้อนาคต
ข้างหน้าจะมีโอกาสได้ทำหรือไม่ ผมเชื่อว่าศิลปินที่ดีไม่ได้เกิดมาเพื่อรับใช้ตัวเอง
เท่านั้น พวกเขาควรจะรับใช้ผู้อื่นด้วย

img05-cr

จานีน: ช่วยเล่าประวัติของตนเองและการตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากกรุงเทพมาเป็น
ศิลปินที่อำเภอเชียงแสนอย่างเต็มตัว

ณรงค์เดช: ผมเกิดที่กรุงเทพอาศัยอยู่กับครอบครัวที่บ้านหลังหนึ่งในสวนมะพร้าว
วัยเด็กของผมก็เหมือนเด็กทั่วไปไม่มีแววทางด้านศิลปะเลย เติบโตมาในแบบเด็ก
ซนๆ ในตอนนั้นชีวิตผมมีวิถีทางที่เรียบง่าย พอย่างเข้าสู่วัยรุ่นก็ใช้ชีวิตเรียนรู้หลาย
สิ่งหลายอย่างด้วยความกระตือรือร้น หลังจากที่ผมเริ่มทำงานหาเงินอย่างจริงจัง
โดยไปขายข้าวแกงระยะหนึ่ง ผมเปลี่ยนมาขายข้าวมันไก่ จากนั้นจึงไปไปเป็นกุ๊ก
อาหารทะเล จนวันหนึ่งในขณะที่นั่งเล่นที่ท่าน้ำในวังเพชรบูรณ์ (เดี๋ยวนี้เป็น
เซ็ลทรัลเวิร์ล) ผมเห็นแมงปอตัวหนึ่งเกาะบนกิ่งไม้เล็กๆ ที่ปักอยู่ในน้ำ ผมเห็นสิ่ง
สวยงามที่อยู่ตรงหน้าผม และ นึกอยากจะเขียนสิ่งที่ผมเห็น ผม รีบไปหากระดาษ
กับดินสอมาเขียนสิ่งที่ผมเห็น แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับผม คือ สิ่งที่
ผมเขียนลงบนกระดาษมันช่างต่างกับที่ผมเห็นในวันนั้นมาก ผมมีคำถามมากมายที่
อยู่ในใจและอยากจะหาคำตอบ ในตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ท มันยาก
มากที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารทางด้านศิลปะ ผมพยายามหาความรู้ทางศิลปะจาก
ทุกที่ กระดาษทุกชิ้นที่มีข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะถือว่าเป็นอาจารย์ของผม

Img06-cr

ต่อมาผมได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเจอโฆษณาโรงเรียนสอนศิลปะและการแสดง
ที่นี่เองจะเป็นที่ที่จะมาต่อเติมความฝันของผม ผมเดินทางไปสมัครเรียนศิลปะ
และสุดท้ายได้พบเจอคำตอบของสิ่งที่ผมสงสัยเคยสงสัยมานาน ผมพบกับครูบา
อาจารย์ทางศิลปะสองท่านคือท่านอาจารย์ประยุทธ์ ฟักผล และ ท่านอาจารย์ช่วง
มูลพินิจ อย่างไรก็ตามผ่านไประยะหนึ่งโรงเรียนมีปัญหาและต้องปิดตัวลง ผมรู้สึก
ตกใจและเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก โชคดีที่อาจารย์ประยุทธ์ ฟักผล รับผมและ
นักเรียนศิลปะคนอื่นๆไปทำงานที่บ้านท่าน นี่เป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ได้เห็น
นักเรียนรุ่นพี่ทำงานศิลปะ มันช่างน่าตื่นเต้นมากสำหรับผมที่รู้เรื่องทางศิลปะอยู่
บ้างเล็กน้อย การที่ได้มาอยู่บ้านอาจารย์นั้นได้เรียนรู้มากกว่าศิลปะ ท่านอาจารย์
สอนอีกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนสวน คนหุงหาอาหาร คนจ่ายตลาด
คนนำเสนองานศิลปะ คนเก็บเช็ค ไปธนาคาร และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้เป็น
ทักษะสำหรับชีวิต

IMG07-cr

สุดท้ายการรอคอยก็มาถึงจุดสิ้นสุด และได้พิสูจน์ความรู้ทางศิลปะที่ได้ร่ำเรียนมา
ด้วยการส่งประกวดจิตรกรรมบัวหลวง ผลตัดสินสุดท้ายที่ผมได้รับคือการโดนคัด
ออก ความพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้ท้อถอยเพราะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ถัดไปเป็น
งานประกวดศิลปะกรรมแห่งชาติ และเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไร้ปริญญาทาง
ศิลปะอย่างผม รู้สึกเหมือนได้รางวัลเมื่อได้ทราบว่าผลงานของผมได้ถูกรับเลือก
ให้ร่วมแสดงในนิทรรศการ ความยินดีไม่ต้องถามถึง มันเหมือนผมได้เรียนจบ
ทางด้านศิลปะทางสมบูรณ์แล้ว ผมมั่นใจว่าศิลปะคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผม

IMG08-cr

ปี 2529 เป็นตัดสินใจครั้งใหญ่สำหรับผมที่เลือกย้ายถิ่นฐานไปตลอดชีวิต ผมชอบ
เดินทางท่องเที่ยวและเริ่มออกเดินทางไปเกือบทุกภาคของประเทศ เพื่อ เลือกว่า
จะอยู่ที่ไหน ไปมาหลายจังหวัดแต่ก็ยังไม่ถูกจริตของตัวเอง พอดี มาเจอเพื่อนซึ่ง
ทำงานศิลปะ เหมือนกัน ชวนมาเขียนภาพติดโรงพยาบาล ที่ เชียงราย ผม
ตัดสินใจมาทันทีเพราะไม่เคยไปจังหวัดเชียงรายมาก่อน ผมนั่งรถเมล์มาถึง
เชียงราย ที่พักของผมคือโรงแรมไม้เก่าๆ กับ บรรยากาศที่งดงามของเมือง มา
เขียนงานให้โรงพยาบาล น่าจะประมาณ 1ปี พองานจบ แต่เจ้าของโรงพยาบาล
อยากจะจ้างให้ผมทำงานต่อโดยเสนองานเป็นเจ้าหน้าที่ผลิตสื่อการสอนและผมก็
ได้ตอบรับข้อเสนอ ผมขยายเวลาทำงานที่โรงพยาบาลไปอีกประมาณ 2 ปี
หลังจากจบงานตามสัญญาก็เตรียมตัวจะกลับกรุงเทพ ก็พอดีมีเพื่อนมาบอกว่ามี
พิพิธภัณฑ์อยากจะให้ไปช่วยตกแต่งภายใน ไม่คิดมาก รับปากมาทันที มาถึงก็คุย
รายละเอียด เป็นที่น่าพอใจ ก็รับปากทำงานให้ แต่ มีเงื่อนไขผมไมรับเงินค่าจ้าง
ขอเพียงมีอาหาร 3 มื้อ และที่อยู่หลับนอน หลังจากตกแต่งภายในเสร็จ เจ้าของ
พิพิธภัณฑ์ ใจดีปลูกบ้านให้อยู่ แล้วก็อยู่พร้อมกับทำงานศิลปะเรื่อยมา นับรวมแล้ว
เป็นเวลากว่า30 ปีที่อยู่ที่เชียงแสน

IMG09-cr

จานีน: ทำไมคุณถึงไม่เคยจัดงานนิทรรศการเดี่ยวรวมผลงานของตัวเองและอะไร
คือรางวัลที่สำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นศิลปิน

ณรงค์เดช: เหตุผลของผมที่ไม่จัดงานนิทรรศการเดี่ยวนั้นง่ายมาก งานเก็บผมมีไม่
พอที่จะแสดงในงานนิทรรศการเดี่ยวเพราะขายไปเกือบหมดแล้ว แต่ ก็มีงานแสดง
ในที่ต่างๆมากมาย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศตลอดเวลาของการทำงาน
ศิลปะเป็นอาชีพหลัก รางวัลที่ได้รับคือ ความสุข ความร่ำรวยทางความคิด ผมมี
อิสระในการทำงานเพื่อตัวเอง และ สังคม และ เพื่อโลก นี่คือสุดยอดรางวัลที่
ยิ่งใหญ่ที่ผมได้รับมาทุกวัน

IMG10-cr

จานีน: บทบาทของตนเองกับงานปัจจุบันกับขัวศิลปะและศิลปินลุ่มแม่น้ำโขง

ณรงค์เดช: ในเนื้องานที่ปัจจุบันทำอยู่ มันผ่านการบ่มเพาะพิสูจน์ทราบในกระบวน
ทำงานมาอย่างหนัก ผมอยากให้งานมีความหลากหลายและอยากที่จะทำไปทุก
อย่างที่เกี่ยวกับศิลปะ กับขัวศิลปะ เรามีความคาดหวังว่ามันจะเป็นที่บ่มเพาะเมล็ด
พันธุ์คนศิลปะรุ่นใหม่ ขึ้นมาทดแทน ดูแลความเป็นเมืองศิลปะ อยากเห็นการ
เติบโตในแบบที่เป็นสากล เพื่อเป็นแบบอย่างในอนาคตที่ดีต่อไป ส่วน ศิลปินลุ่ม
น้ำโขง ยังขาดการติดต่อประสานงานที่ดี เรา ยังขาดบุคลากรที่ทำหน้าที่ติดต่อ
ประสานงาน แต่ เรายังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง ศิลปินลุ่มน้ำโขงอยู่เนืองๆ
โดย เชิญ ศิลปินลาว พม่า จีน มาร่วมทำเวิร์คช็อปโดยผ่านสถาบันการศึกษาต่างๆ
อยู่อย่างสม่ำเสมอ และ ในอนาคต คงจะมี สิ่งดีเกิดขึ้น

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้ี้

Scene4 Magazine: Janine Yasovant

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

จานีน ยโสวันต์ เป็นนักเขียน
เธออาศัยอยู่ในเชียงใหม่ประเทศไทย
สำหรับบทความและบทวิจารณ์อื่นๆ ของ จานีน ยโสวันต์
กรุณาตรวจดู
 แฟ้มเก็บข้อมูล

Click Here for this article in English
©2018 Janine Yasovant
©2018 Publication Scene4 Magazine

 

 

Sc4-solo--logo62h

November 2018

Volume 19 Issue 6

SECTIONS: Cover | This Issue | inFocus | inView | inSight | Perspectives | Special Issues 
COLUMNS:  Alenier | Bettencourt | Jones | Marcott | Meiselman | Thomas | Walsh | Letters 
INFORMATION: Masthead | Submissions | Recent Issues | Your Support | Links | Archives
CONNECTIONS: Contact Us | Comments | Subscribe | Advertising | Privacy | Terms |

Search This Issue

|

Search The Archives

|

Share via Email


Scene4 (ISSN 1932-3603), published monthly by Scene4 Magazine–International Magazine of Arts and Culture. Copyright © 2000-2018 Aviar-Dka Ltd – Aviar Media Llc.
 

Scientific American - www.scene4.com
Calibre Ebook Management - www.scene4.com
Thai Airways at Scene4 Magazine
14990330623594616631
harpers728
Janine-28