Scene4-International Magazine of Arts and Culture www.scene4.com
MONTHIAN YANGTHONG | Janine Yasovant | Scene4 Magazine | April 2019  www.scene4.com

มณเฑียร ยางทอง
วิธีใหม่ของการทำภาพพิมพ์แกะไม้

จานีน ยโสวันต์

นเดือนนี้ดิฉันขอแนะนำศิลปินภาพพิมพ์อีกท่านหนึ่งจากทางภาคใต้ของประเทศ
ไทย คุณมณเฑียร ยางทอง ที่เป็นศิษย์เก่าภาควิชาศิลปศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ภาคใต้ของประเทศไทย

ปีพ.ศ. 2539 – 2549 คุณมณเฑียร ยางทอง ทำงานที่ฝ่ายศิลป์ของโรงแรมแห่ง
หนึ่ง หลังจากนั้นคุณมณเฑียร กลับกลายเป็นศิลปินเต็มตัวและในบางครั้งก็จัด
บรรยายและเวิร์คช็อปเกี่ยวกับงานศิลปะ

img08-cr

ปัจจุบันนี้คุณมณเฑียร มีห้องแสดงภาพของตัวเองและเท่าที่ดิฉันทราบมาคุณ
มณเฑียร ยางทอง เป็นศิลปินภาพพิมพ์เพียงคนเดียวในจังหวัดภูเก็ตที่เปิด
แกลเลอรี่แห่งแรกและยังเป็นแห่งเดียวของงานภาพพิมพ์ในภูเก็ต ผลงานส่วนมาก
เป็นภาพพิมพ์ขาวดำแต่ก็มีภาพพิมพ์สีเช่นกัน จนถึงตอนนี้คุณมณเฑียรได้เข้า
ร่วมงานนิทรรศการกลุ่มมากกว่า 60 ครั้ง และมีงานนิทรรศการเดี่ยวสี่ครั้ง งาน
นิทรรศการครั้งล่าสุดมีชื่อว่า “มนตราแห่งท้องทุ่ง”จัดขึ้นในปีพ.ศ. 2561

ที่งานนิทรรศการครั้งล่าสุด อาจารย์สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ ศิลปินแห่งชาติเป็น
ประธานผู้ดำเนินพิธีเปิดงาน ท่านให้ความเห็นว่าผลงานของคุณมณเฑียร ยางทอง
เป็นวิธีการทำภาพพิมพ์แกะไม้แบบดั้งเดิมที่ต้องอาศัยทักษะ ฝีมือ และการ
วางแผนแกะไม้เพื่อทำภาพพิมพ์ไม้และพิมพ์ภาพด้วยมือเพื่อแสดงเนื้อหา รูปทรง
และพื้นที่ว่างจากสีดำไปยังสีขาว นั่นหมายความว่าพื้นที่สีขาวถูกแกะออกไปตาม
วีธีการทำแม่พิมพ์ไม้

img01-cr

จากนี้ไปเป็นการสัมภาษณ์

จานีน: อยากให้คุณมณเฑียรเล่าถึงเรื่องตอนวัยเด็ก

img04-cr

มณเฑียร: การได้เติบโตจากครอบครัวที่มีพ่อผู้มีความสามารถทางช่าง และ
ปราชญ์ท้องถิ่น ไม่ว่างานแทงหยวก แกะลายโลงศพ ช่างปูน ช่างไม้ บทกลอน
พิธีกรรมทางศาสนาและรวมถึงเครื่องใช้ไม้สอย ทำให้ผมคุ้นชินและซึมซับมา
ตั้งแต่เด็ก เสมือนเป็นเบ้าหลอมให้หลงใหลงานทางช่าง บางงานมีโอกาสเป็น
ลูกมือพ่อตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่สัมผัสเหล่านี้คือตัวจุดชนวนเริ่มต้นสำหรับการ
ทำงานศิลปะ ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้กีดกันใดๆ จำได้ว่าตอนเด็ก นำกระดาษแข็ง
ทำตัวหนังตะลุงแล้วใช้ไฟฉายส่อง ประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น ข้องใส่ปลา
กรงนก เป็นความสุขที่ได้ทำและใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อีก โดยไม่เข้าใจ
หรอกว่า ศิลปะคืออะไร จนเข้าสู่ในระบบการเรียน ได้จับต้อง ดินสอ ปากกานั้น
แหละงานขีดๆเขียนๆ จึงปรากฏ ชอบลอกจากแบบหนังสือการ์ตูน วาดรูปดารา
ต้นแบบจากนิยายสาระบันเทิงที่ชื่นชอบในยุคนั้น ได้นำผลงานเหล่านี้แปะหน้าปก
สมุด เหมือนบ้าง คลับคล้ายคลับคลาบ้าง เพื่อนๆ ชื่นชม ผมก็สุขใจ วิชาศิลปะจะ
เป็นชั่วโมงที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ รับจ้างออกแบบตัวอักษรหน้าปกรายงาน
ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม ในตอนนั้นยังไม่รู้เลยโลกแห่งศิลปะวงกว้างเป็นอย่างไร ได้
ทำ ได้วาด ได้คิด และได้เงินมาบ้างก็มีความสุขที่สุดแล้ว จนกระทั่งเรียนจบมัธยม
ปลาย รอยต่อของความคิดของช่วงวัย ที่จะเดินสู่ระบบการศึกษาศิลปะก็เกิดขึ้น ได้
เข้าเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิคที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม
นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นระดับสำหรับผู้ที่ตัดสินในช้าในสายนี้ เพราะเราไม่ได้ผ่าน
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพมาก่อน เป็นระดับการเรียนก้าวกระโดด ไม่ต้องลงลึก
มากนัก แต่ก็ทำให้เข้าใจพื้นฐานการวาดรูป ประติมากรรม และภาพพิมพ์ เข้าใจ
โลกศิลปะแจ่มชัดมากขึ้นตามลำดับ แอบใฝ่ฝันอยากจะอาชีพทำงานศิลปะตั้งแต่
ตอนนั้น แต่ก็รู้ตัวดีว่า ผมยังด้อยความสามารถ ยังจำต้องฝึกฝนอีกมาก

จานีน: เรื่องอาชีพทางศิลปะหลังจากที่จบการศึกษา

img03-cr

มณเฑียร: หลังจากจบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค ศิลปะประยุกต์ ที่
นครศรีธรรมราชว่างเว้นจากการเรียนหนึ่งปี มีโอกาสไปเขียนร่ม เขียนพัด ที่บ่อ
สร้าง ซึ่งเป็นอีกประสบการณ์ ประมาณปีพ.ศ. 2534 เข้าเรียนระดับปริญญาตรี
ศิลปศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แม้จะเป็นหลักสูตรครู
ศิลปะความคิดฝันจะเป็นศิลปินก็ไม้ได้จางหายไปเลย ทางครอบครัวต้องการให้ผม
รับราชการครูในแบบที่เค้าต้องการ ตามวิถีคิดพ่อแม่ในแถบชนบท แต่ผมปฏิเสธ
เงียบมาตลอด ปีพ.ศ. 2539ผมเข้าทำงานโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานีใน
หน้าที่ของฝ่ายศิลป์ การมีรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตและให้ทางครอบครัวได้อุ่นใจ ช่วง
ปีแรกผมเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน ผมเริ่มฉุกคิดในสิ่งที่ฝันไว้เมื่อเข้าสู่ปีที่สองได้
บริหารจัดการชีวิตให้ได้ทำงาน สองส่วน กล่าวคือ กลางวันทำงานฝ่ายศิลป์ตาม
หน้าที่ของลูกจ้าง ตกกลางคืนและวันหยุดผมได้สร้างสรรค์ ช่วงแรกเป็นงานเพ้นท์
สีน้ำมัน ด้วยเรื่องราวรอบๆตัวและความทรงจำ ซึ่งได้ผลงานจำนวนหนึ่ง แต่ผม
วิเคราะห์ว่างานช่วงนั้นมีกลิ่นสีใกล้เคียงกับศิลปินรุ่นใหญ่คนหนึ่ง มากเกินไป ผม
ต้องการหนี ผมเริ่มก้าวกะโดดสู่งานพิมพ์แกะไม้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผมทำได้ดี
ในสมัยเรียน การวางแผนและขั้นตอนของงานพิมพ์สอดคล้องกับงานประจำ ซึ่งสิบ
ปีของการเป็นลูกจ้าง ผมมีผลงานสร้างสรรค์สะสมไว้จำนวนไม่น้อยเป็นงานพิมพ์
ขาวดำ และงานพิมพ์สี ผลงานเหล่านี้นำไปสู่การแสดงเดี่ยวปลายปีพ.ศ. 2549 ที่
ภูเก็ต รวมทั้งใช้ชีวิตแบบศิลปินอิสระเต็มตัวตั้งแต่นั้นมา การมีเวลาสร้างสรรค์เต็มที่

img10-cr

วิเคราะห์ ทดลอง ค้นคว้า โดยการนำวินัยจากการที่เคยเป็นลูกจ้างมาใช้กับวิถี
ศิลปะ ผมทำงานแบบไม่มีวันหยุด ทำให้เจอการแกะเส้นที่ให้ความรู้สึกใหม่สำหรับ
งานภาพพิมพ์แกะไม้  และพัฒนาการแกะแม่พิมพ์ เพื่อให้เส้นเป็นตัวสื่อใน
หลากหลายเรื่องราว ให้เป็นเช่นเลือดเนื้อ เส้นแห่งการไหลเวียน เมื่อเป็นงาน
ภาพเหมือนบุคคลที่ประทับใจ ทำหน้าที่เป็นน้ำและลมเมื่อเป็นเรื่องราวของ
ธรรมชาติ บางชุดผมได้นำไปต่อยอด ก้าวไปผสมเพ้นท์บนวัสดุที่ไม่ใช่แค่กระดาษ
เพื่อค้นหามิติใหม่ๆ ที่งานพิมพ์แกะไม้ที่พึงจะเป็นไปได้

Tiger-B-cr.

จานีน: คุณได้ค้นพบอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างคะ

มณเฑียร: การไม่หยุดนิ่งในความคิด มันสนุกและสุขเสมอ ผลงานทั้งหมดเกิดจาก
การพิมพ์มือ คือ บาเรง ปีพ.ศ. 2560 ผมได้นำเครื่องจักรสำหรับรีดแผ่นยางพารา
มาปรับใช้ เพื่อความสะดวกของงานพิมพ์บนกระดาษ ผลลัพธ์ที่ได้น่าพึงพอใจ
ทีเดียว เอื้อประโยชน์ได้ไม่น้อยเลย

img11-cr

เข้าใจดีว่า สังคมไทยยังด้อยอยู่มากสำหรับงานศิลปะภาพพิมพ์ การที่ร่ำเรียนเป็น
ครูศิลปะ ผมมุ่งหวังที่จะแบ่งปันองค์ความรู้สู่ทุกๆคน อาจจะด้วยการพูดคุยหรือทาง
สื่อก็ตาม ซึ่งเป็นสื่อหลักการเป็นศิลปินภาพพิมพ์แกะไม้คนเดียวในภูเก็ต รวมถึงมี
พื้นที่สตูดิโอกึ่งแกลอรี่เป็นของตัวเอง บนย่านเมืองเก่าของจังหวัดภูเก็ต ที่ที่ตรงนี้
เป็นที่ต้อนรับและเป็นเวทีพบปะศิลปะแขนงนี้ ผมปราถนาให้คนไทยมีความรู้
ทัดเทียมเยี่ยงประเทศอื่นๆ ผมเชื่อเสมอว่าคนไทย ศิลปินไทยมีความสามารถสู้
ระดับนานาชาติได้แน่นอน หากเราเอาจริง เอาจังผลงานที่ผมรังสรรค์ถูกซื้อสะสม
ไปสู่นานาชาติ นั้นคือ ตัวสะท้อนได้ในจุดหนึ่ง ชีวิตไม่เคยนำผลงานส่งประกวด
ใดๆเลย ซึ่งผมก็เข้าใจดีว่า หากมีรางวัลติดตัวเพื่อเบิกทางอาจจะเรื่องง่ายสำหรับ
การสร้างชื่อเสียง ผมเลือกที่จะสู้และฟันฝ่าในแบบเรียนรู้ภูมิคุ้มกัน แม้จะล้มลุก
คลุกคลานบ้าง ก็ยอมรับมันได้ ทั้งหมด และผมก็ก้าวข้ามสิ่งที่คิดว่าเป็นอุปสรรค
มาอยู่ในจุดที่มั่นคงของตัวเองและครอบครัวในปัจจุปัน

จานีน: คุณมีความมุ่งหวังอะไรในอนาคต

img05-cr

มณเฑียร: นอกจากทุ่มเทเพื่อการทำงานที่รักให้สุดทางแล้ว อีกอย่างที่ผมทิ้ง
ไม่ได้ คือการสืบสานภูมิปัญญางานแทงหยวกจากบรรพบุรุษเป็นอีกหนึ่งความ
ภูมิใจที เป็นอีกงานที่ผมสืบทอดมาเกือบสิบปี ตั้งเป้าหมายว่าในสักวันจะคืนถิ่นเกิด
กลับไปฟื้นฟู อนุรักษ์ ด้วยองค์ความรู้ทางศิลปะที่เกี่ยวมาทั้งชีวิต ควบคู่กับงาน
สร้างสรรค์

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้ี้

Scene4 Magazine: Janine Yasovant

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

จานีน ยโสวันต์ เป็นนักเขียน
เธออาศัยอยู่ในเชียงใหม่ประเทศไทย
สำหรับบทความและบทวิจารณ์อื่นๆ ของ จานีน ยโสวันต์
กรุณาตรวจดู
 แฟ้มเก็บข้อมูล

Click Here for this article in English
©2019 Janine Yasovant
©2019 Publication Scene4 Magazine

 

 

Please support us with
your contribution Here

Sc4-solo--logo62h

April 2019

Volume 19 Issue 11

  SECTIONS: Cover | This Issue | inFocus | inView | inSight | Perspectives | Special Issues | Books
  COLUMNS: Adler | Alenier | Bettencourt | Jones | Marcott | Thomas | Walsh 
  INFORMATION: Masthead | Submissions | Recent Issues | Your Support | Links | Archives
  CONNECTIONS: Contact Us | Comments | Subscribe | Advertising | Privacy | Terms | Letters

Search This Issue

|

Search The Archives

|

Share via Email


Scene4 (ISSN 1932-3603), published monthly by Scene4 Magazine–International Magazine of Arts and Culture. Copyright © 2000-2019 Aviar-Dka Ltd – Aviar Media Llc.
 

Scene4 Books at Aviarpress - www.aviarpress.com

Good Reading
Is Currently
On Sale
Here

Scientific American - www.scene4.com
Calibre Ebook Management - www.scene4.com
Thai Airways at Scene4 Magazine
14990330623594616631
Janine-28