ลิลิตพระลอเป็นนิยายโศกนาฏกรรมที่เก่าแก่มากเรื่องหนึ่งซึ่งได้รับการ ยกย่องเป็นอย่างสูงสุดจากวรรณคดีสโมสรในสมัยพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้มีความรู้ด้านวรรณคดีไทยหลายท่าน เห็นว่าเรื่องพระลอเป็นบทกวีนิพนธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่ง มีผู้กล่าว ว่าร่ายทั้ง 600 บทนั้นได้รับการร้อยเรียงไว้อย่างสายงามเหนือไปกว่าที่ เคยเห็นมา แม้กระทั่งศิลปินนักออกแบบท่าร่ายรำยังใช้บทกวีเพื่อ ออกแบบการแสดงละครเวทีเรื่องนี้ ศิลปินนักวาดภาพหลายท่านก็วาด ผลงานมาจากบทกวีเรื่องนี้
ผลงานเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่การศึกษาได้เปิดเผยให้ เราทราบว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น (ในรัชสมัยของพระนารายณ์มหาราช) ในตอนนั้นเองอาณาจักรอยุธยา เป็นพันธมิตรกับประเทศยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฝรั่งเศส เอก อัครราชทูตและนักการทูตหลายท่านถูกส่งตัวไปที่ยุโรป กวีนิพนธ์เรื่องนี้ ยังอ้างถึงอาวุธประเภทปืนไฟของยุโรปและถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นความ บันเทิงสำหรับพระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์อีกด้วย
ในตอนแรกของเรื่องนี้ได้บรรยายถึงรูปร่างลักษณะของพระลอ เจ้าชาย ที่สมรสแล้วที่ได้รับสืบทอดราชบัลลังค์จากพระบิดา กษัตริย์แห่งเมือง แมนสรวง ข่าวลือเรื่องนี้แพร่สะพัดไปยังหลายอาณาจักรรวมทั้งเมือง สรองที่เป็นเมืองที่เป็นศัตรูกัน กษัตริย์แห่งเมืองสรองมีพระราชธิดาสอง พระองค์ที่มีรูปโฉมงดงาม ทั้งคู่มีนามว่าพระเพื่อนและพระแพง เจ้าหญิง
ทั้งสองพระองค์ต่างรู้สึกกระวนกระวายและเศร้าใจเพราะทั้งสองพระองค์ อยากให้พระลอเป็นคนรักแม้ว่าพระลอได้อภิเษกสมรสแล้วก็ตาม แต่ ด้วยความช่วยเหลือของนางรื่นและนางโรยซึ่งเป็นหญิงรับใช้ประจำตัว เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์เดินทางไปหาปู่เจ้าสมิงพรายซึ่งเป็นจอมขมัง เวทให้ร่ายเวทมนตร์ล่อลวงให้พระลอและทหารรับใช้ทั้งสองคนออกมา จากพระราชวัง จากนั้นนางรื่นและนางโรยได้พาพระลอเข้าไปหาพระ เพื่อน พระแพงอย่างลับๆ นอกจากนี้นางรื่นและนางโรยก็มีคนรักเช่นกัน (ทหารรับใช้ของพระลอ)
การบรรยายฉากกามารมณ์นั้นตรึงความสนใจผู้อ่าน ฉันทลักษณ์และการ ร้อยเรียงคำที่สวยงามของบทประพันธ์ลิลิต ยั่วเย้าด้วยความรู้สึกเสน่หา โดยปกติแล้วลิลิตถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจในช่วงเวลา สงครามแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของมนต์ดำเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก คุณจะ รู้สึกโศกเศร้าเมื่อคุณได้กลับมาอ่านเรื่องราวความรักของเจ้าหญิงทั้ง สองพระองค์ผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับความรักและกามารมณ์ พวกเธอมาจาก ตระกูลผู้สูงศักดิ์ ได้ยินข่าวสารที่มีคนพูดถึงเกี่ยวกับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ด้วยการร้องเพลงที่มีเนื้อเพลงน่าตื่นตะลึง ข่าวลือมีเนื้อความว่าพระลอมี รูปโฉมงามเหมือนพระอินทร์ ชาวบ้านร้องเพลงคลอไปกับเครื่องดนตรี หลายชนิดทำให้เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ตื่นขึ้นมาจากการบรรทม และ พวกเธอตกหลุมรักพระลออย่างลึกซึ้ง เจ้าหญิงพระองค์หนึ่งได้ถามหญิง รับใช้ว่า "เจ้าทราบเรื่องราวของพระลอหรือไม่" หญิงรับใช้ไม่ตอบ คำถาม เธอจึงกล่าวต่อไปว่า "เจ้ายังหลับอยู่หรือ ทำอะไรสักอย่างซิ" นี่ จึงเป็นเหตุผลที่หญิงรับใช้ไปหาจอมขมังเวท
(เรื่องลิลิตพระลอมีบทโคลงตัวอย่างที่มักเอาไว้ท่องจำเวลาจะแต่ง โคลงสี่สุภาพเนื่องจากใช้ ฉันทลักษณ์ถูกต้องทั้งหมดและยังมีความ ไพเราะอีกด้วย)
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
จอมขมังเวทอาศัยอยู่ในถ้ำ ชาวบ้านเรียกขานเป็นปู่เจ้าสมิงพราย เขา ร่ายมนต์เสน่ห์ของเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์และส่งไปยังวังพระลอ มนต์ คาถาทำให้พระลอตกหลุมรักเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์
ก่อนที่พระลอจะออกจากวังของเขา เขาได้บอกความจริงกับมารดา เกี่ยวกับความรักของเขาที่มีต่อเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ และบอกว่าเขา ต้องไปพบกับพวกเธอให้ใด้ มารดาของเขาได้ห้ามปรามไม่ให้เขาไป แต่ เขาก็ออกไปได้โดยการปลอมตัวเป็นทหาร ในที่สุดเวทมนตร์ก็ได้พาเขา มายังวังของพระเพื่อนพระแพง
สี่คนคิดชอบถ้อย สอนสั่งกันค้อยค้อย
สว่างร้อนไฟกาม ฯ
ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าว กรโอบองค์โน้มน้าว
แนบเนื้อเรียงรมย์ ฯ
เชยชมชู้ปากป้อน แสนอมฤตรสข้อน
สวาทเคล้าคลึงสมร ฯ
กรูเกี้ยวกรกอดเกื้อ เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ
อ่อนเนื้อเอาใจ ฯ
พักตราใสใหม่หม้า หน้าแนบหน้าโอ่หน้า
หนุ่มหน้าสรสม ฯ
นมแนบนมนิ่มน้อง ท้องแนบท้องโอ่ท้อง
อ่อนท้องทรวงสมร ฯ
สมเสน่หอรใหม่หมั้ว กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว
เกลสกลั้วสงสาร ฯ
บุษบาบานคลี่คล้อย สร้อยแลสร้อยซ้อนสร้อย
เสียดสร้อยสระศรี ฯ
ภุมรีคลึงคู่เคล้า กลางกมลยรรเย้า
ยั่วร้องขานกัน ฯ
สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง
อาบโอ้เอาใจ ฯ
แสนสนุกในสระน้อง ปลาชื่นชมเต้นต้อง
ดอกไม้บัวบาน ฯ
ตระการฝั่งสระแก้ว หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว
โคกฟ้าฤๅปูน ฯ
บุญมีมาจึงได้ ชมเต้าทองน้องไท้
พี่เอ้ยวานชม หนึ่งรา ฯ
พระเพื่อนสมสมรแล้ว ลอราชเชยชมแก้ว
แก่นไท้แพงทอง เล่านา ฯ
ละบองบรรพหลากเหล้น บเหนื่อยบได้เว้น
เหิ่มชู้สมสมร ฯ
ดุจอัสดรหื่นห้า แรงเร่งเริงฤทธิ์กล้า
เร่งเร้งฤๅเยาว์ ฯ
ดุจสารเมามันบ้า งาไล่แทงงวงคว้า
อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ
ประเล้าโลมอ่อนไท้ แก้วพี่เอยเรียมได้
ยากด้วยเยาวมาลย์ ฯ
เอนดูวานอย่าพร้อง เชิญพระนุชนิ่มน้อง
อดพี่ไว้เอาบุญ ก่อนเทิญ ฯ
ตอนจบของเรื่องเป็นโศกนาฏกรรม สมเด็จย่าของเจ้าหญิงทั้งสอง พระองค์สั่งทหารให้จับกุมพระลอ หลานสาวทั้งสองรวมทั้งหญิงรับใช้ ท้ายที่สุดพระลอ เจ้าหญิงทั้งสองรวมทั้งหญิงรับใช้เสียชีวิตลงทั้งหมด ร่างของทุกคนถูกปักตรึงไว้ด้วยลูกธนู เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์อยู่ใน อ้อมกอดของพระลอที่ยืนสิ้นใจตาย เรื่องนี้สอนให้เราได้ทราบว่า ความสัมพันธ์ทางกามารมณ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ชีวิตยั่งยืนแม้ว่า จะไม่มีใครหลีกหนีพ้นก็ตาม
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 โรงละครภัทราวดีเธียเตอร์ได้ชุบชีวิตบท กวีให้เป็นการแสดงบนเวทีที่เรียกว่า "รอรัก ลิลิตพระลอ" กำกับการ แสดงโดยคุณภัทราวดี มีชูธน กำกับเพลงโดยอนันต์ นางคง และ อโณทัย นิติพน พร้อมทั้งนักไวโอลินระดับโลก ไคล์ ดิลลิงแฮม การ แสดงจะเดินทางไปในหลายๆจังหวัดในประเทศไทยและหลายๆประเทศ ในปีนี้
ภาพเขียนโดยจักรพันธ์ โปษยกฤต
|