ในปีพ.ศ. 2372 พระยามังรายผู้ซึ่งปกครองเมืองในภาคเหนือของประเทศ ไทยอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขงได้ขยายพื้นที่ของเข้ามายังเมืองเชียงใหม่และ เมืองลำพูน ได้จัดตั้งให้เมืองใหม่เป็นศูนย์กลางการค้าขายโดยใช้แม่น้ำปิง เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและหลังจากนั้นมาเมืองก็หายสาบสูญไป อันที่จริง คือการจมไปจากสายตาจนกระทั่งได้มีการค้นพบอีกครั้งหนึ่งในปีพ.ศ. 2540 ท่ามกลางการโต้แย้งแต่ก็มีความตื่นเต้นและความน่าอัศจรรย์
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดค้นและสำรวจพื้นที่ก็พบว่าเมืองที่ถูกลืมมีเนื้อที่ 650 ไร่ มีวัดอย่างน้อย 25 แห่ง ระบบน้ำที่ละเอียดซับซ้อน ชลประทานเพื่อ การเกษตรแบบเป็นชั้นๆ วัตถุมีค่าอยู่กระจัดกระจาย และยังได้พบซากเรือ รวมทั้ง "เรือหางแมงป่อง"มีลักษณะค่อนข้างแปลก ในปีพ.ศ. 2545 เจ้าหน้าที่ได้ประกาศว่าเวียงกุมกามซึ่งเป็นเมืองในตำนานที่สูญหายนั้นเป็น เมืองโบราณจริงๆ
เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทยที่มีสถานที่ ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นอยู่มากมาย เชียงใหม่เป็น จังหวัดเดียวที่ห้าอำเภออยู่ใกล้กับชายแดนพม่า ภูเขาที่สูงที่สุดคือดอย อินทนนท์ที่อยู่อำเภอจอมทองทางใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่และมีความสูง 2,565.33 เมตร ภูเขาสูงเป็นอันดับสองคืออุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกใน อำเภอฝางที่มีความสูง 2,285 เมตรและภูเขาที่สูงเป็นอันดับสามคือดอย หลวงเชียงดาวในอำเภอเชียงดาวและมีความสูง 2,170 เมตร ภูเขาเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาผีปันน้ำ เพราะว่าอากาศดีแม้ว่าจะเย็นเล็กน้อยใน ฤดูหนาวหลายๆคนได้มาท่องเที่ยวภูเขาทั้งสามแห่งนี้ในแต่ละปี
ภูเขาเหล่านี้เป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิงซึ่งไหลลงมาทางที่ราบภาคกลางไปรวม แม่น้ำ วัง ยม และน่านที่จังหวัดนครสวรรค์กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนที่ จะไหลลงทางใต้ไปยังอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ
แม่น้ำปิงนั้นสวยงามและอยู่ในภาพเขียนและภาพถ่ายมากมาย ความน่า ดึงดูดใจนั้นปรากฏบทกวีและเพลงพื้นบ้านที่เน้นถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านและ แสดงความงดงามและเสน่ห์ของเชียงใหม่
ประวัติแม่น้ำปิงของประเทศไทยนั้นเกี่ยวข้องกับผู้คนทางเหนือและเรื่องราว ทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของอดีตเมืองที่จมอยู่ใต้น้ำ ก่อนที่จะถึงปี
พ.ศ. 2540 เรื่องราวอันลึกลับประกอบด้วยเจดีย์ทั้งสองแห่งที่เหลืออยู่ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ และเรื่องพื้นบ้านเกี่ยวกับแม่น้ำและสถานที่ไม่มีใคร รู้จักแห่งนี้ ในที่สุดเมื่อมีผู้คนย้ายมาในพื้นที่นี้และได้ค้นพบสิ่งของโบราณ มากมาย เจ้าหน้าที่ได้ตรวจตราและพบว่าพื้นที่นั้นครอบคลุมไปด้วยดิน โคลนและทรายซึ่งสะสมมาจากน้ำท่วมและตามประวัติศาสตร์แล้วก็มีน้ำ ท่วมใหญ่ที่ไม่อาจต้านทานได้ในบริเวณนั้น เมื่อได้มีการสำรวจต่อไปก็ ได้รับหลักฐานมากขึ้น ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และภาพถ่ายทาง อากาศได้พิสูจน์ว่าแผนเมืองเชียงใหม่ล้อมรอบไปด้วยลำคลองรูปทรงกลม ที่สร้างโดยมนุษย์และไม่ปรากฏในแผนที่ หลักฐานของการก่อสร้างเมือง เชียงใหม่ภายหลังจากชาวล้านนาอพยพออกจากเวียงกุมกามนั้นเขียนไว้ที่ หลักศิลาจารึกที่วัดเชียงมั่นเมื่อปีพ.ศ. 1839 ดังนั้นจึงสามารถที่จะกล่าวได้ ว่าเวียงกุมกามเป็นอาณาจักรที่อยู่ใต้พิภพ
ในตอนที่เวียงกุมกามยังเจริญรุ่งเรือง การเกษตรสมบูรณ์ดีและการทหารนั้น แข็งแกร่ง ช่างฝีมือชาวจีนเข้ามาสร้างเครื่องปั้นดินเผาโดยใช้ดินเหนียวที่มี มากมายและมีคุณลักษณะที่มีค่าที่อยู่ใกล้แหล่งเตาเผาที่มีชื่อเสียง แต่ละ เตาได้สร้างเครื่องปั้นดินเผาที่มีลักษณะค่อนข้างต่างกัน เครื่องปั้นดินเผา ของสันกำแพงจะทาสีเป็นลายปลาคู่ เครื่องปั้นดินเผาจากเวียงกาหลงก็จะ ทาสีเป็นรูปนก เตาเผาที่จังหวัดพะเยาใช้ดินสร้างรูปปั้นทหารบนช้างศึก เครื่องปั้นดินเผาจากเตาสุโขทัยจะเน้นสีเขียวเป็นหลัก เตาเครื่องปั้นดินเผา ที่น่านจะใช้สีเข้มมีลวดลายนกฮูก เตาเผาในแต่ละแห่งถูกเรียกว่าเตามังกร เพราะมีขนาดใหญ่มากและมีกำลังการผลิตถ้วยและจานดินเผาได้มากกว่า 1,000 ใบต่อครั้ง
พระยามังรายเป็นผู้ปกครองเมืองนากโยนกนคร ตามธรรมเนียมชาวพุทธ นากถูกจัดสร้างเป็นราวบันไดทางเข้าวัด พระยามังรายเป็นสหายกับพระยา งำเมืองผู้ครองเมืองพะเยาและพ่อขุนรามคำแหงที่ปกครองอาณาจักร สุโขทัย ทั้งกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ทรงเป็นผู้ก่อตั้งเมืองเวียงกุมกามที่เป็น ทั้งศูนย์กลางการค้าขายและศาสนา ผู้คนในเวลานั้นอาศัยอยู่ใกล้วัด เพราะว่าง่ายต่อการดูแลพระสงฆ์ด้วยอาหารและเงินทอง
ในช่วงการก่อสร้างเวียงกุมกาม พระยามังรายปกครองเมืองหริภุญไชย ก่อนที่จะย้ายมาเชียงใหม่และสร้างวัดหลายแห่งเช่นวัดเจ็ดยอด วัดอุโมงค์ วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และวัดเชียงมั่น ศิลปะรูปแบบล้านนาผสมผสาน กับศิลปะพม่าและจีน เมื่อพม่ายึดครองภาคเหนือ ไม่มีผู้ใดกล่าวถึงเวียง กุมกาม เกิดน้ำท่วมขึ้นและเมืองก็ถูกลืมเลือนในที่สุด ทุกวันนี้แม่น้ำปิงที่ซัด สาดขึ้นลงเกิดความงามที่เป็นเส้นทางต้อนรับเวียงกุมกามที่ไม่ได้เป็นนครที่ ถูกลืมเลือนอีกต่อไป
ภาพประกอบโดยวิสูตร เจริญพร
|