เมื่อตอนที่ดิฉันอยู่ที่ภาคใต้ของประเทศไทยได้มีโอกาสไปเยี่ยมข้าราชการ มุสลิมที่เก็บสะสมของโบราณที่บ้านของเขาในจังหวัดนราธิวาส ที่นั่นดิฉัน ไปเจอดาบยาวแกะสลักตัวอักษร VK มีผู้กล่าวว่าเป็นดาบของสลัดทะเล ไวกิ้ง ดิฉันยังได้พบจานและหม้อไหโบราณที่มีเพรียงขนาดใหญ่และเล็ก มีลวดลายจีนเป็นรูปสัตว์และดอกไม้ สีอ่อนใส และภาพวาดน่าดึงดูดใจ ความคิดของดิฉันในตอนนั้นตรงกันข้าม อีกด้านหนึ่งของผู้ชายที่เป็นนัก สะสม เขากล่าวว่าเขาได้สิ่งของเหล่านี้มาจากอ่าวไทยและได้อ้างว่าเป็น สมบัติของพ่อค้าชาวจีนที่นำมาค้าขายแลกเปลี่ยนอาหารและเครื่องเทศใน สมัยราชวงศ์สุโขทัย (คริสต์ศตวรรษที่ 14-16)
ลวดลายต่างๆเช่นนกกระเรียน ดอกไม้ หรือเถาไม้เลื้อยทำให้เรานึกถึง รูปแบบเครื่องถ้วยชามสมัยอาณาจักรล้านนาที่เราพบเห็นโดยทั่วไปเมื่อเรา อยู่ที่ภาคเหนือของประเทศไทย ดอกไม้ที่มีกลีบหนาและสีสันของเครื่อง ถ้วยชามจากอ่าวไทย แหล่งที่มาน่าจะมาจากดินเหนียวและเตาเผาของทาง ภาคเหนือ
หลายครั้งคราที่ผู้คนในเวลานั้นพยายามขนส่งเครื่องถ้วยชามไปยัง ต่างประเทศแต่เรือหลายลำก็สูญหายไปในทะเล ต่อจากนั้นมา ผู้คนได้พบ เจอเครื่องถ้วยชามเหล่านั้นในอ่าวไทย ครอบคลุมไปด้วยตัวเพรียง หอย ทะเลและสัตว์ทะเลต่างๆ ของเหล่านั้นยังอยู่ในสภาพที่ดีและตอนนี้ก็มีราคา หาค่าไม่ได้
รูปภาพปลาคู่ นกขนาดใหญ่ที่มีคอยาวและสัตว์ในเทพนิยายเช่นกิเลนบินใน กลุ่มเมฆ มีรูปภาพนามธรรมแบบหลากหลาย ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดิฉันรู้สึก คุ้นเคยมากเนื่องจากความสนใจของดิฉันในอดีต
นี่เป็นลวดลายที่สามารถพบได้ในไม้แกะสลักและเครื่องเงินของทางเหนือ รวมทั้งรอยพระพุทธบาทจำลองที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในภาคเหนือของประเทศ ไทย ศิลปะที่สืบทอดกันมานี้กลายเป็นรูปแบบของวัฒนธรรม อันที่จริงแล้ว ศิลปะของประเทศจีนนี้มีอิทธิพลมากเพราะว่าได้รับพิจารณาให้เป็นศิลปะ ต้นแบบ
ถ้วยชามในสมัยเริ่มแรกมีการสร้างที่บ้านเกาะน้อย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ประเทศไทย แต่ก่อนอาณาจักรม้งปกครองส่วนใหญ่ของ ประเทศพม่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ถึงศตวรรษที่ 11 และ ศตวรรษที่ 13 ถึง ศตวรรษที่ 16 และอีกครั้งคือศตวรรษที่ 18 อาณาจักรที่ได้รับการบันทึก อย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือทวาราวดีซึ่งเจริญรุ่งเรืองถึงช่วงปีค.ศ. 1000 ก็ถูกอาณาจักรเขมรขับไล่ และประชากรทั้งหมดได้หลบหนีไปทาง ตะวันตกจนกระทั่งเป็นพม่าในปัจจุบันและในที่สุดแล้วก็ได้ก่อตั้งอาณาจักร ใหม่ ผู้คนกลุ่มนี้เช่นกันที่อยู่ใต้ความกดดันจากกลุ่มชาติพันธ์ใหม่ที่มาจาก ทางเหนือ
ศิลาดลที่มีคุณภาพสูงได้มีการเคลือบเงากับมีการแกะที่เรียบง่ายและ ซับซ้อนนั้นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 – 16 (ประมาณ 500-600ปีที่แล้ว) ดิฉันเคยเห็นตะเกียงสามขาสีครีมทีมีน้ำมันตะเกียงด้วย การออกแบบนั้น เป็นรูปทรงเรขาคณิต ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ
เครื่องถ้วยชามกาหลงถูกสร้างขึ้นและมีความเกี่ยวพันกับพระมหากษัตริย์ สงคราม ศาสนาเช่นการสร้างช้างศึกสำหรับพระมหากษัตริย์ กองทหาร และเพื่อศาสนาฮินดู มีรูปปั้นเซรามิกส์พระพิฆเณศ 4 แขน แต่ละมือนั้นถือ อาวุธต่างๆกัน สร้อยคอ กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า จากเซรามิกส์ของ รูปแบบทางเหนือดูเหมือนกับเชียงแสนหรือรูปปั้นไม้ของพม่าในรูปแบบของ เซรามิกส์ ในเตาเผาเวียงกาหลง การสร้างสรรค์ในยุคนี้จะแสดงภาพ ช้าง ม้า วัว ควายเป็นสัตว์พาหนะ เป็นที่เชื่อกันว่าช่างชาวจีนได้สอนคนพื้นเมือง ให้ทำเซรามิกส์ตรงพื้นที่ที่ดินเหนียวมีคุณภาพที่สุดเรียกว่าเวียงกาหลง หลังจากที่เผาแล้วดินเหนียวจะมีสีเหลืองอ่อน สีครีม หรือสีเทา นอกเหนือไปจากเครื่องถ้วยชามโบราณของอาณาจักรล้านนาจะมีรูปแบบ ของศาสนา การใช้ชีวิต สงคราม และสัตว์ต่างๆ แล้ว ยังมีการปั้นรูปวงดนตรี และรูปคู่รักโอบกอดกันอีกด้วย พวกเราสามารถทำความเข้าใจได้ว่านี่คือวิถี ชีวิต
|
ในเวลานั้นสนุกสานและเป็นอิสระเช่นเดียวกับที่ศิลปินมีโอกาสใช้ธรรมชาติ เป็นตัวแบบโดยที่ไม่มีข้อจำกัด คุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของสันกำแพงคือ ดินเหนียวเนื้อหยาบ ขอบด้านล่างต่ำ สีขาวทาไปที่ริมขอบปากหรือด้านใน ก่อนที่จะเคลือบเงาหรือประดับตกแต่ง การออกแบบหรือตกแต่งที่เป็นที่ นิยมมากที่สุดของสันกำแพงและได้กลายเป็นรูปแบบปกติของเครื่องปั้นดิน เผาสันกำแพงคือรูปปลาคู่ว่ายอยู่ตรงด้านล่าง เช่นเดียวกับสัญลักษณ์หยิน และหยางของจีน เครื่องปั้นดินเผาที่พบเป็นจานเคลือบด้วยสีดำด้านในและ แจกันขนาดใหญ่ที่มีการเคลือบสองชั้น
เครื่องปั้นดินเผาเมืองพานถูกผลิตที่เตาเผาในโป่งแดงและหมู่บ้านไม้หนอง ปากจิกในตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย รูปร่างลักษณะของ เซรามิกส์เมืองพานนั้นไม่ค่อยแตกต่างไปจากเวียงกาหลง แต่การเคลือบ เงานั้นจะทำในแบบเดียวกับเครื่องปั้นดินเผาศิลาดล ข้อแตกต่างคือว่า เครื่องปั้นดินเผาเมืองพานไม่ได้มีออกแบบให้ใช้สีดำรองเคลือบในตอนที่ ผลิต
ในสมัยก่อนนักโบราณคดีเรียกเซรามิกส์ที่สร้างมาจากเตาเผาเวียงท่ากานต์ ว่าเป็นขวดสมัยหริภุญไชยตอนปลาย พวกเขาเชื่อว่าต้นกำเนิดอยู่ที่จังหวัด ลำพูน ตามข้อมูลที่ผ่านมาแล้วว่าพวกเขาได้บันทึกการขุดสำรวจที่สถาน ประวัติศาสตร์หริภุญไชยและหลุมขุดสำรวจที่จังหวัดตาก ปัจจุบันนี้นัก โบราณคดีรุ่นใหม่ได้ค้นพบหลักฐานใหม่ๆจากเวียงท่ากานต์ซึ่งเป็นเมือง โบราณในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
รูปร่างลักษณะของขวดที่พบในตอนนี้เป็นสิ่งที่คนไทยภาคเหนือเรียกว่า"น้ำ ต้น" เป็นขวดที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย ลักษณะเฉพาะของขวดเหล่านี้คือมีสีส้มอันเนื่องมาจากการขึ้นรูปเป็นอย่าง ดี เติมสีขาวหรืทาสีดำก็สามารถที่จะตกแต่งได้หลายรูปแบบเช่นรูปสัตว์และ ดอกไม้ วัตถุประสงค์หลักของเครื่องดินเผาเวียงท่ากานต์คือเอาไว้เก็บน้ำ มากกว่าที่จะใช้เก็บร่างผู้เสียชีวิตและถ้วยชามเหล่านี้ก็ได้มีการแลกเปลี่ยน ในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นเครื่องปั้นดินเผาเวียงท่ากานต์น่าจะอยู่ในช่วง ศตวรรษที่ 14 ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของพ่อขุนเม็งรายผู้ครองอาณาจักรล้านนา
จากประวัติศาสตร์ของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ พ่อขุนรามคำแหงแห่ง อาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนเม็งรายแห่งอาณาจักรล้านนา และพ่อขุนงำเมือง แห่งอาณาจักรพะเยา ทั้งสามพระองค์สาบานเป็นเพื่อนรักกัน ประชาชน ปลูกข้าวและทำงานกับเตาเผาเซรามิกส์ซึ่งเป็นยุคแห่งการสร้างสรรค์และ ใช้สำหรับการค้าขายแลกเปลี่ยน ทำให้แผ่นดินสุวรรณภูมิมั่งคั่งมากในเวลา นั้น
พวกเราได้เห็นรูปปั้นชาวบ้านอุ้มไก่ชนและถือเงินพดด้วงในอีกมือหนึ่งรูป ปั้นคู่รักล่องแพท่องเที่ยว นี่คือความสนุกสนานของช่างเมื่อ 500ปีที่แล้ว ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในหลายๆรูปแบบของคนโบราณก็จะบอกวิธีการใช้ ชีวิตได้
ภาพ: มาจาก Mekdhanasarn Museum
|