ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2552 จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ กลับมาอีกครั้ง ในเรื่อง ดื้อ สวย ดุ ภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้กำกับโดยราเชนทร์ ลิ้มตระกูล ภาพยนตร์เรื่องก่อน "ช๊อกโกแลต" เป็นที่มีเสียงตอบรับดีมากจากผู้ชมที่ชื่น ชอบศิลปะการต่อสู้ เธอได้กลายเป็นดาราหนังแอกชั่นที่มีผู้ชื่นชอบมาก ที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย ผลงานชิ้นล่าสุดของเธอมีกำหนดฉายใน ประเทศไทยวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552 "ดื้อ สวย ดุ" เป็นภาพยนตร์อีก เรื่องหนึ่งจากบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลที่เคยสร้างภาพยนตร์ เรื่องต้มยำกุ้งและองค์บากที่เป็นการดัดแปลงและผสมผสานการนำเสนอ มวยไทยกับศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่นๆและยิมนาสติก
การเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นในเรื่องของความรักที่ทำให้ผู้ชายคน หนึ่งสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าดื้อ คาซู นักแสดงลูกครึ่ง ฝรั่งเศส เวียดนาม เขาเป็นผู้ชนะเลิศรายการ WKA (Martial Arts trickz) และรายการ grand prix international de Paris of Martial Art trickz ปี 2545 เขารับบทเป็นคนแปลกหน้านัยน์ตาเศร้าที่ช่วยเด็กผู้หญิงที่ถูกนักเลง ทำร้าย เขาเป็นผู้ที่สอนให้ดื้อรู้จักกับโลกแห่งการต่อสู้และมิตรภาพที่ แท้จริง ดื้อต้องต่อสู้กับนักเพาะกายหญิงที่เก่งเรื่องยูโด การฝึกฝนไม่ได้ เป็นการพนันกับชีวิตของเธอเท่านั้น แต่ดื้อต้องเข้าใจถึงความซื่อสัตย์และ รักแท้
บรรยากาศงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ที่พารากอน ซิเนเพล็กซ์ กรุงเทพมหานครนั้นมีชีวิตชีวามาก ผู้คนมากมายมีทั้งผู้กำกับหนัง นักแสดง เจ้าหน้าที่สหมงคลฟิล์มและสื่อมวลชน
ต่อจากนี้เป็นบทที่ตัดตอนมาจากการสัมภาษณ์ของจีจ้า ญานินเกี่ยวกับการ สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
ดื้อสวยดุเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
เป็นเรื่องราวของดื้อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ20 กว่าๆ ที่เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง โหยหาเพื่อน อยากได้มิตรภาพ ต้องการ ความรัก ความเข้าใจจากคนรอบข้าง แต่ดื้อไม่เคยสมหวังในความรัก ไม่ เคยรู้จักรักแท้ จนกระทั่งเขาได้เจอสนิม ผู้ชายคนหนึ่งที่สอนให้ดื้อได้รู้จัก โลก รู้จักคำว่ามิตรภาพ เพื่อนแท้ ทุกอย่างเลย รวมทั้งเป็นคนที่สอนให้รู้จัก การต่อสู้ และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ดื้อเข้าใจความหมายของคำ ว่ารักแท้
ฟังดูแล้ว "ดื้อสวยดุ" น่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นโรแมนติคที่เข้มข้นทางอารมณ์ เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกทางความรู้สึกและอารมณ์ของ บทบาทและตัวละครที่จีจ้าต้อง ถ่ายทอด แล้วในส่วนของความเป็นแอ็คชั่น ผู้หญิงในโปรเจ็คต์ที่2นี้ เราจะได้เห็นถึงพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงอย่าง ไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ว่ากันว่านี่คือความแปลกใหม่ของภาพยนตร์ แอ็คชั่นผู้หญิงที่พูดได้ว่าน่าจับตามองที่สุด
สำหรับ เรื่องที่ 2แล้ว นอกเหนือจากบทบาทการแสดง แอ็คชั่นก็เป็น อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แอ็คชั่นที่ดูแปลกตา แอ็คชั่นที่มีความ แปลกใหม่ในการดีไซน์มากขึ้น เริ่มจากระยะเวลาก่อน คือระยะเวลาในการ ทำหนังเรื่องที่ 2 จะสั้นลงเยอะ เพราะเนื่องจากว่าตัวจ้ามีพื้นฐานมาจากเมื่อ 4ปีที่แล้ว รวมกับประสบการณ์ตอนทำหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกอย่างช็อคโก แลต ที่ใช้เวลาถ่ายทำ ถึง2ปีเต็ม ทำให้ระยะเวลาในการเตรียมงานของเรื่อง ที่ 2 กระชับ ขึ้น โดยใช้เวลาในการถ่ายทำประมาณครึ่งปีค่ะ รวมทั้งการออก แบบดีไซน์ แอ็คชั่นด้วย สำหรับคิวแอ็คชั่นที่บอกว่าดูแปลกตาก็คือ อันแรก แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงเล่น แต่ผู้หญิงจะเล่นแอ็คชั่นอะไร ก็คือเล่นแอ็คชั่นที่ เหมือนมีการนำเอาทักษะของการเต้นรำ ,ลีลาศและไอซ์สเก็ต มาผสมกับ การเล่นแอ็คชั่นที่เป็นแอ็คชั่นคู่กับคาซู ซึ่งดูเหมือนกับเป็นการต่อสู้แบบ เต้นรำ และเป็นการต่อสู้แบบเมรัยยุทธด้วย สำหรับ ในเรื่องที่2ก็ไม่ได้มีแค่ จ้าคนเดียวที่จะมีแอ็คชั่นแปลกตาแปลกใหม่มากขึ้น ก็จะมีการนำเอาท่วง ท่าต่างๆของบีบอยมาผสมกับท่าแอ็คชั่น แล้วก็จะมีการนำเอาบีบอยมาเล่น อย่างไรกับการต่อสู้ แล้วก็มี MARTIAL TRICKZ ซึ่งคาซูจะเล่น เป็น ความสามารถเฉพาะตัวของเขา ซึ่งก็จะมีการผสมผสานระหว่าง คาโปเอร่า เทควันโด้,คาราเต้,ยิมนาสติก,บีบอย และฟรีรันนิ่งเข้ามาผสมด้วย ก็จะมี การต่อสู้หลากหลายให้เล่น แล้วก็จะมีฮองนีนักแสดงจากต่างชาติที่เป็น เหมือนแชมป์กังฟูชาวฝรั่งเศส เวียดนาม และก็มีนักแสดงหลากหลายที่มี สีสันมากมาย แล้วก็จะมีพี่ซิง รุ้งตะวัน จินดา ซิง ซึ่งเป็นนักกล้าม เป็น (แชมป์เพาะกายหญิงแห่งเอเชียแปซิฟิก) ที่แข็งแรงมากๆแล้วก็เป็นคู่ปรับ คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากๆของจ้าด้วยแล้วก็จะมีนักแสดงสามคนซึ่งเป็นแชมป์บี บอย ด้วยอยากให้ทุกคนได้ดูกันว่าB-BOY MARTIAL ART เป็นอย่างไร ทั้งหมดแล้วก็คือจะมีความแปลกใหม่มากขึ้นค่ะ
พูดถึงผกก.ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล
พี่ราเชนทร์นะคะ พี่ราเชนทร์เป็นคนที่ค่อนข้างละเอียด ในการทำงานมากๆ จะมีมุมมองหรือสิ่งที่อยากได้อยู่ในหัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมุมภาพ หรือการ แสดง พี่เชนทร์ให้ความสำคัญในทุกๆเรื่องรวมไปถึงเรื่องเสื้อผ้าของ นักแสดง แต่พี่เชนทร์ก็จะเปิดโอกาสให้จ้าได้ลองเล่นในแบบที่จ้ารู้สึก เช่น ถ้าจ้าเป็นดื้อจะทำอย่างไร เจอเหตุการณ์แบบนี้จ้าคิดว่าดื้อจะ รู้สึกแบบนี้นะ จะคิดแบบนี้ จะพูดแบบนี้ พี่เชนทร์ก็จะฟังความคิดของเรา
|