ดิฉันมีโอกาสได้สัมภาษณ์ กิตติ พลศักดิ์ขวา หลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
หลายปีมาแล้ว เมื่อเขาได้รับเลือกให้วาดภาพสำหรับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับ
พิเศษในประเทศไทย เขาเลือกภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดชจาก ใบสมัครเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย ของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวภูมิพล เป็นภาพวาดขนาด 60 x45 ซม. เป็นภาพวาด สีน้ำมันบนผ้าลินิน
จากแรงบันดาลใจของเขา เขากล่าวกับดิฉันว่า "เวลานั้นในหลวงยังทรงพระเยาว์"
เป็นภาพวาดสวยมากจนดิฉันต้องเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้จนถึงตอนนี้
ต่อมาดิฉันพบว่าเขาเป็นศิลปินที่วาดภาพ สิบสองภาพจากการแสดงหัวข้อ "พระ
บิดาแห่งมาตรฐานฝีมือแรงงานไทย" เขากล่าวเมื่อให้สัมภาษณ์ทุกแห่ง ว่าเขารัก
ในหลวง ในครั้งนั้นมูลนิธิพระดาบสได้จัดนิทรรศการโดยมีรูปภาพของพระองค์
ท่านกำลังทำงาน เป็นช่างต่อเรือ 12 ภาพที่มาเป็นการทรงงานที่สุดพิเศษ มาเป็น
ปฏิทินของปี 2559
ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย
เดช-พระบิดาแห่งมาตรฐานฝีมือแรงงานไทยประจำปี 2559 ณ. ไบเทคบางนา
วันที่ 11-14 พฤษภาคม 2559 บริษัท สุมิพล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับเกียรติให้
ร่วมแสดง กิตติ พลศักดิ์ขวา ยังเขียนเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบันสะท้อนให้เห็น
ถึงความรู้สึกที่ซื่อสัตย์ในฐานะประชาชนคนไทยที่มีต่อในหลวง
ต่อไปนี้คือ บทสัมภาษณ์ของดิฉัน และคุณกิตติ พลศักดิ์ขวา
JY
. ช่วยเล่าเรื่องแรงบันดาลใจจากการทำงานปัจจุบันของคุณ ดิฉันอยากให้คุณ
พูดถึงภูมิหลังของคุณและงานที่คุณได้ทำ
KP
. ผมเป็นคนบ้านนอกอาศัยอยู่ในชนบท ความรู้สึกของผมที่เกี่ยวกับในหลวง
ผมอยากจะสะท้อนให้เห็นถึงการพูดของผมโดยตรงจากใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไม
ผมถึงสร้างเพจบนเฟสบุ๊ค นอกจากนี้ผมยังมีโครงการต่อเนื่องที่จะจัดพิมพ์หนังสือ
รวบรวม พระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ เป็นหนังสือคำสอนและพระราช
ดำรัสของในหลวงที่คัดสรรมาแล้ว รวมทั้งภาพพระราชาอีกชุดหนึ่งเพื่อหารายได้
เข้ามูลนิธิพระดาบส โครงการทั้งหมดนี้เริ่มต้นก่อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะจากไป
แต่ผม ก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจและผมจะก้าวต่อไปสู่เป้าหมายของตนเองที่ได้ทำ
ไว้
ด้วยความเมตตาและความเอื้ออาทรของกษัตริย์ ที่มีต่อศิลปินมายาวนาน ผมได้
พยายามปฏิบัติตามและนำคำสอน และสุนทรพจน์ของกษัตริย์ไปใช้ประโยชน์และ
ได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว นอกเหนือจากนี้ก็อยากให้คนอื่นๆ หรืออย่างน้อยก็สมาชิก
ในครอบครัวศิลปิน ดำเนินรอยตามความตั้งใจของพระองค์ ที่ได้กล่าวและปฏิบัติ
เป็นตัวอย่างที่ดีมาตลอด
หากเราเพียงฟังคำสอนและพระราชดำรัสของกษัตริย์โดยไม่นำไปปฏิบัติใน
สถานการณ์จริงเราอาจประทับใจเพียงเล็กน้อยและผลลัพธ์ก็ไม่ชัดเจน แต่ถ้าเรา
ฝึกฝนมันผลลัพธ์ก็จะชัดเจนขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในครอบครัวศิลปิน ที่ฝึกฝน
เยาวชน ผมจึงอยากจะเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ หรืออย่างน้อยก็ลูก ๆ และสมาชิกใน
ครอบครัวศิลปิน ในความเห็นอย่างน้อยของผม จากทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระราชาสามารถช่วยเราได้มาก เป็นการสอนให้เราเข้าใจตนเองและยืนอยู่บนทาง
สายกลางในพระพุทธศาสนา ถ้าเราทำได้ทุกอย่างในชีวิตก็จะสงบสุข ไม่มากไม่
น้อย และสมเหตุสมผล หลังจากที่พระองค์ได้ จากไปหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาขาด
ใครสักคนที่จะพึ่งพา ไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอีก
ต่อไป แต่คำสอนของพระองค์ยังอยู่ที่นี่ ถ้าเราทำตามคำสอนของเขาก็จะรู้สึก
เหมือนเพระองค์ท่าน ยังมีชีวิตอยู่และไม่ได้จากไปไหนไกลจากเรา"
JY
. ช่วยเล่าชีวิตครอบครัวงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณให้ดิฉันทราบ
หน่อยค่ะ
KP
. ครอบครัวของผมอยู่จังหวัดเลย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ผมได้รับการเลี้ยงดูมากับยายเพราะพ่อแม่ของผมเลิกรากัน คุณยายของผมมักจะ
พาผมไปวัดเสมอ เราค้างคืนที่นั่น
เมื่อผมเข้าสู่สายวิชาชีพโรงเรียนอาชีวะ ที่จังหวัดเลยผมตัดสินใจเดินทางเข้ามา
เรียนในกรุงเทพฯ ผมอยากเรียนจิตรกรรมที่สถาบันศิลปะวิทยาลัยเพาะช่าง
ตอนนั้นผมเรียนและทำงานไปด้วย ผมทำงานเป็นช่างวาด วาดภาพบุคคลที่มาบุญ
ครอง หลังจากนั้นผมไป เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
จังหวัดปทุมธานี ผมทำงานในกรุงเทพมากว่าสิบปี
จังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย ความสูงของพื้นที่
ประกอบด้วยป่าสน อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี พืชพรรณธรรมชาติจึงแตกต่าง
จากที่อื่นในประเทศไทย หนึ่งสามารถปลูกยางพาราได้เช่นกัน และเป็นแหล่งทัศน
ศึกษาปีนเขาสำหรับคนหนุ่มสาว เลยเป็นจังหวัดที่มี แม่น้ำโขงไหลผ่าน
ต่อมาผมตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน คือจังหวัดเลย และ
คิดจะทำไร่และทำสวน แต่การเป็นศิลปินเสียงภายในใจของผมเรียกให้ผม
กลับไปทำงานที่เคยทำคือวาดภาพทำงานศิลปะอย่างเคยทำอยู่ในกรุงเทพฯ
จุดเปลี่ยนของชีวิตคือการที่ผมสนใจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย
เดช ผมได้ส่งภาพวาดเข้าประกวดได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับที่ 2 ในงาน "84th
Anniversary Thammathipatai" หลังจากนั้นสำหรับภาพวาดเกี่ยวกับ
ผลงานของพระองค์ ผมได้ค้นคว้ารายละเอียดจากความรักที่มีต่อในหลวงและ
ศรัทธา ผมมุ่งมั่นที่จะทำให้ภาพวาดนั้นมีชีวิตชีวา
JY
. ช่วยเล่าให้ดิฉันฟัง เกี่ยวกับภาพวาดที่สำคัญที่คุณสร้างขึ้น เป็นการเปลี่ยน
มุมมองของงานและการนำไปปฏิบัติเป็นแนวทางปฏิบัติ
KP
. เมื่อติดตามงานของพระองค์ท่าน ผมสามารถวาดภาพให้เหมาะสมกับพระ
เกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสร้างโครงการช่วยเหลือพสก
นิกรชาวไทยมากกว่า 4000 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นองค์กรไม่
แสวงหาผลกำไรในประเทศไทย http://km.rdpb.go.th/Knowledge/Page/1#
ในหลวงทรงเยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อดูความก้าวหน้าอยู่เสมอ แต่ละโครงการเป็น
การรวบรวมความคิดริเริ่ม และการวิจัยเพื่อการกุศล เราสามารถเห็นพระองค์ท่าน
ที่เดินทางไปทุกภูมิภาคของประเทศ
เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยในเมือง
|
และในหมู่ชาวเขาพวกเขาเหล่านั้น ต้องเปลี่ยนจากการปลูกฝิ่น มาเป็นเป็นพืช
เมืองหนาว เป็นโครงการต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ในหลวงทรงศึกษาธรรมะ ทำให้
ผมคิดว่าตัวผมเอง จะต้องทำงานตามแบบอย่างของพระมหากษัตริย์โดยยึดหลัก
ความเป็นชาติ หลักการของศาสนาและบทบาทของพระมหากษัตริย์
ผมเริ่มทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น เมื่อนำหลักธรรมมาใช้ในการทำงานที่เรียกว่า
เรียกโลกธรรม 8 ประการ
มีลาภ ก็เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข แล้วก็มีทุกข์
หมายถึงธรรมชาติของโลกธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตว์โลก
จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติซึ่งมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ความพึงพอใจ ในโชค
ลาภของผู้คนหมายถึงการได้มาซึ่ง เป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ที่ผู้มนุษย์
ต้องการ
อันดับหมายถึงการได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ อันดับที่สูงขึ้นยิ่ง มีอำนาจมากการ
สรรเสริญคือการได้ยิน ความพอใจต่อการได้ยินการยกย่อง การชื่นชมความสุข คือ
ความสบายกาย ความสบายใจความสุขความเบิกบานใจ
อีกด้านหนึ่งอีก4 ประการ ที่มนุษย์ไม่ปรารถนา ที่รวมกันใน โลกธรรม คือ
ความไม่พอใจของมนุษย์ ความเสื่อมโทรมหมายถึงการสูญเสียโชคลาภไม่
สามารถดำรงอยู่ได้
การสลายตัวหมายถึงการถูกลดทอนความยิ่งใหญ่
การนินทาหมายถึงการถูกตำหนิในสิ่งที่ไม่ดีถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกตำหนิเพื่อให้
ได้รับความเสียหาย ความทุกข์ก็ทุกข์กายทุกข์ใจ
ผมเริ่มวาดภาพของพระอริยสงฆ์เจ้าซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีหลายสิบรูป เราต้องศึกษา
และอ่านคำสอนของแต่ละคน
ในท้ายที่สุดผมพบว่าการทำทุกอย่างในผลงานเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดและเป็น
จุดมุ่งหมายสุดท้วยเช่นเดียวกัน
ในฐานะเพื่อนร่วมโลก และพวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
งานของผมเป็นระบบมากขึ้น มาจากการมีปรัชญาในการดำเนินชีวิต
ผมมักจะนึกถึงผู้อื่นเป็นอันดับแรกและยึดมั่นในหลักการทำงาน เพื่อชาติศาสนา
และสถาบันพระมหากษัตริย์ และผมสนใจประวัติศาสตร์ชาติมากขึ้นผมจึงติดตาม
ในหลวงที่ทรงออกผนวช พระองค์ท่าน ศึกษาธรรมะและทำงานหนักตั้งแต่เช้าจรด
เย็นเดินทางอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานเพื่อ
ประชาชนตลอดมา บทเรียนที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ผมเข้าใจธรรมะเกี่ยวกับการลดละ
เลิกจากความโลภ ในปี 2019 ผม ได้เข้าร่วมนิทรรศการศิลปะเพื่อผู้ลี้ภัยครั้งที่2
พิธีเปิดนิทรรศการ 3 สิงหาคม 2562 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA
BANGKOK) พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชการที่ 10 เป็นพระฉายาลักษณ์
ขนาด 140x180 ซม.
ภาพวาดของผม ไม่ใช่แค่ภาพบุคคล แต่เขียนจากจิตวิญญาณ ผมวางแผนที่จะทำ
โครงการหนังสือที่นำประวัติและหลักคำสอนของพระอริยสงฆ์และแนวปฏิบัติทั้ง
ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศมาใช้เป็นสื่อในการสร้างความเข้าใจ เป้าหมาย
ของผมต่อไป คือการสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่น่าจะทำได้ไม่ยาก
ผมเข้าร่วมและจัดนิทรรศการศิลปะภาพนู้ดที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย
(MOCA BANGKOK) ในเดือนสิงหาคมปี 2020 โดยเป็นภาพผู้หญิงใน
พระพุทธศาสนา ชื่อภาพนางปทุมวดี 2020 เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าลินินขนาด 150
× 100 ซม.
นอกจากการระบายสีแล้วผมยังจะมีงานปั้นอีกด้วย รูปปั้นของพระอริยสงฆ์เป็นรูป
เคารพในรูปแบบของสิ่งมีชีวิต ในการเป็นศิลปินมานาน และจะสามารถทำโปร
เจ็กต์นี้สำเร็จได้อย่างแน่นอน
JY
. มีอะไรอีกบ้างที่คุณ อยากแบ่งปันให้กับผู้อ่านและสังคมไทย
KP
. เมื่อก่อนผมเคยถามตัวเองว่าชีวิตมีไว้เพื่ออะไร?จุดมุ่งหมายองชีวิตคือ
อะไร? จุดมุ่งหมายของชีวิตเพื่ออะไร? จนกระทั่งได้มาศึกษาพระราชกรณียกิจของ
ในหลวงรัชกาลที่ 9. เพื่อให้รู้และตระหนักว่า ความคิดที่ถูกตั้งคำถามจุดมุ่งหมาย
ของชีวิตคืออะไร? เปลี่ยนทันทีเพราะถามผิดตั้งแต่ต้น ผมจึงตั้งคำถามใหม่ว่า ผม
ควรอยู่ไปเพื่ออะไร?
ผมเริ่มรู้หน้าที่ ที่แท้จริงของตัวเองในความเป็นจริง ผม เชื่อมั่นว่าทุกคนควร
แสวงหาเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง
ใช้ชีวิตให้ถูกต้อง นั่นคือจุดมุ่งหมายของชีวิต
|