วาสนา สีสัง เป็นศิลปินอิสระที่มีความชัดเจนในผลงานของเธอ และนำเสนอ
งานศิลปะในระดับโลก
JY.
กรุณาเล่าถึงว่าต้องการนำเสนออะไร กับผู้อ่านทั่วโลกเกี่ยวกับการยอมรับ
ผลงานที่คุณสร้างขึ้น และประสบการณ์ใดบ้างที่คุณต้องการแบ่งปันกับศิลปินใหม่
WS.
งานศิลปะของดิฉันไม่ยึดติดกับสไตล์ที่ต้องมีรูปแบบเดียวกันเสมอไป
เรื่องราวที่ถ่ายทอดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สถานที่เปลี่ยน
ความคิดก็เปลี่ยน
ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ภูมิทัศน์การทำงานก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ถ้าใจไม่
พร้อมจะทำก็ไม่ทำ ไม่มีภาพร่างแต่เป็นวิธีการแก้ปัญหาในชิ้นงานจริงบนเฟรม
โดยส่วนตัวดิฉัน สำเร็จการศึกษาเอกจิตรกรรมไทย แน่นอนว่าภาพวาดในยุคแรกๆ
ของดิฉันเป็นประเพณีไทยโบราณที่ยึดติดกับจารีตประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งคนรุ่น
ใหม่อาจมองว่าล้าสมัย แต่ดิฉันภูมิใจที่ได้เรียนรู้ถึงรากเหง้าของวัฒนธรรม ชีวิต
และจิตวิญญาณของช่างไทยในอดีต . โดยใช้สีแบบโบราณ สีฝุ่นที่ได้จาก
ธรรมชาติมาหมักเพื่อทาสี หรือแม้แต่บดหินให้กลายเป็นสี เป็นงานละเอียด ใช้
เวลา และมีกระบวนการที่ซับซ้อน ด้วยพื้นฐานต่างๆเหล่านี้หล่อหลอมให้ดิฉันเป็น
คนที่ทำงานละเอียดพิถีพิถัน
ในเวลาต่อมาแนวงานของดิฉันเริ่มเปลี่ยนไปสีฝุ่นหรือสีจากธรรมชาติไม่อาจตอบ
โจทย์ความต้องการในงานของดิฉัน สีอะคลิริคเป็นตัวเลือกใหม่เข้ามามีส่วนใน
การพัฒนางานของดิฉัน งานศิลปะของดิฉันเริ่มหลุดออกจากแนวประเพณีเดิมๆ
ปิดทอง ตัดเส้นแบบงานศิลปะไทยโบราณ เริ่มหันมาหาเรื่องราวรอบๆตัววิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ ในขณะนั้นได้มีโอกาสไปศึกษาที่อินเดีย ความประทับใจในชีวิต
พื้นบ้าน ผู้คนในหมู่บ้านที่สร้างจากดิน ความเป็นอยู่เรียบง่ายๆแต่สงบ สีสันความ
เป็นอินเดียเริ่มเข้ามามีบทบาทกับงานจิตรกรรมของดิฉัน
ท่านอาจารย์ที่อินเดียแนะนำให้เรียนรู้จิตรกรรมโบราณของอินเดีย ภาพประกอบ
เทพปกรณัมของทางอินเดีย ความฉูดฉาดของการใช้สี ช่วงเวลาที่อยู่อินเดียนี้แนว
งานจิตรกรรมของดิฉันจะมีสองแบบคือ แบบวิถีชุมชนชาวบ้านอินเดียและแบบ
พอตเทรต(portrait)
จนกระทั้งกลับมาอยู่เมืองไทย ความคิดก็เปลี่ยนกลับมาอยากวาดชีวิตชุมชน
ชนบทของไทยช่วงเวลานี้มีโอกาสได้ช่วยงานวัดที่อำเภอดอยเต่า จึงมีโอกาสได้
สัมผัสบรรยากาศชีวิตความเป็นอยู่ของคนชนบท ทุ่งนาสุดขอบฟ้าที่เขียวขจี และ
บางเวลาก็เป็นสีเหลืองทองเมื่อผ่านฤดูกาลต่างๆ นาๆ วนไปวนมา เหมือนชีวิต
และผลงานของดิฉันที่งานจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่ยึดติดและอาจจะ วนกลับ
ไปสู่รูปแบบประเพณี ซึ่งก็เป็นจริง……การกลับมาสู่เทพปรณัมองค์ต่างๆ
ด้วยความเชื่อของคนไทยในเรื่องเทพ พระพรหม พระศิวะ พระแม่อุมา พระลักษมี
พระพิฆเณศ พระอิน พญานาค พระราหู ท้าวเวสสุวรรณ เจ้แม่กวนอิม ล้วนเป็น
องค์เทพที่คนไทยให้ความนับถือ ศาสตร์สายมูเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมยุคใหม่
ดิฉันจึงหันมาวาดเหล่าเทพเซียนที่ผสมผสานเทคนิคในการวาดเฉพาะตัวซึ่งอาจ
เกิดจากการบ่มเพาะจิตรกรรมไทย ผสม จิตรกรรมอินเดีย
และเมื่อถึงจุดความเบื่อก็คลืบคลานเข้ามาอีกครั้ง หาแนวทางใหม่ เรื่องราวใหม่ๆ
จนเกิดเป็นงานชุดใหม่ที่มีตัวเอกเป็นกระต่าย
ผลงานในยุคปัจจุบันดิฉันใช้กระต่ายเป็นสื่อในการสร้างสรรค์ ทำไมถึงเป็น
กระต่าย? กระต่าย เป็นสัตว์โลกตัวน้อยที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน ในหลาย
วัฒนธรรม กระต่ายถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง
และเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักในครอบครัว กระต่ายจึงเป็นสัตว์ในตำนานที่พบ
เห็นได้หลายเผ่าพันธุ์ หลากหลายจินตนาการเกิดเป็นเรื่องราว นิทานแฝงคติธรรม
เกี่ยวข้องกับกระต่ายในแต่ละประเทศ
ด้วยเหตุนี้ Rabbit Theater ในจินตนาการของดิฉันจึงเกิดขึ้น โดยหยิบยกเอาชุด
เสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชนชาติต่างๆ ความประทับใจในสีสันและความวิจิตร
งดงามของเสื้อผ้า เครื่องสวมศีรษะ อันเป็นวิวัฒนาการและวัฒนธรรมของแต่ละ
เชื้อชาติที่แสดงออกมาว่าประเทศนั้นๆมีอารยะธรรมความเจริญอันยิ่งใหญ่มา
ยาวนาน
JY.
กรุณาเล่าประวัติ ชีวิต การศึกษา ทั้งในไทยและต่างประเทศ
WS.
ชีวิตการเรียนศิลปะนับตั้งแต่เรียนปวช. ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ
(บางปู) สาขาวิชาที่เรียนคือศิลปหัตถกรรม คือเรียนงานศิลปะที่ทำด้วยมือทุก
แขนง วาด ปั้น หล่อ สาน งานเครื่องรัก เบญจรงค์ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องหนัง
จิตรกรรมไทย สถาบันแห่งนี้จุดประกายให้อยากเรียนจิตรกรรมไทยในเวลาต่อมา
ปวส. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ( เพาะช่าง) เอกจิตรกรมไทย ในอดีตนับเป็น
สาขาที่เข้าเรียนได้ยากผู้สมัครเยอะและรับไม่มาก ระหว่างทางอาจเรียนไม่สำเร็จ
เพราะความเข้มงวดของอาจารย์ที่ปรารถนาดีแก่ลูกศิษย์
ดิฉันเรียนจบปริญญาตรี สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (คลองหก) เป็นแบบแผนที่
เรียนต่อกันมาจากเพาะช่างสู่ราชมงคล(คลองหก)เรียนสองปีรับปริญญา ในช่วง
เวลานั้นเรียนเอกจิตรกรรมไทยสายครู(เรียนเป็นครูศิลปะ) เพราะไม่มีสายตรง
(เรียนเป็นนักศิลปะ)
หลังจากจบปริญญาตรีเริ่มวาดภาพส่งประกวดในเวทีต่างๆ เริ่มได้รับรางวัลครั้งแรก
เหรียญทองแดงจิตรกรรมบัวหลวง และส่งประกวดในสถาบันต่างๆได้รับรางวัลมา
เรื่อยๆ จนตัดสินใจเรียนต่อ
หลักสูตร Advance diploma ที่มหาวิทยาลัยวิศวภารติ ศานตินิเกตัน ประเทศ
อินเดีย ส่งใบสมัครไปทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ รอร่วมปีไม่รู้ว่าจะได้รับเลือก
ให้เข้าเรียนหรือไม่ เอกสารหายระหว่างทางหรือไม่ ไม่มีคำตอบ จึงออกเดินทาง
ตามหาคำตอบ สาเหตุที่เลือกที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เพราะแฟนชวนตามรอย อาจารย์
เฟื้อ หริพิทักษ์ และคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะต่อยอดงานจิตรกรรมฝาผนัง อยาก
เรียนด้านงานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาบันเป็นศูนย์ รู้แต่
เป็นสถานที่อมตะบ่มเพาะศิลปินมามากมาย
แต่ผลคือไม่มีการเรียนการสอนด้านงานอนุรักษ์ แล้วผลการคัดเลือกเข้าเรียนดิฉัน
ก็ได้รับเลือกจึงได้เรียนแบบงง…งง หลักสูตรที่ดิฉันได้เรียนคือ Advance
Diploma หรืออนุปริญญาโท เรียนปฏิบัติอย่างเดียวไม่ต้องเรียนทฤษฏี วิชาปฏิบัติ
เรียนร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท การคัดเลือกบุคคลเข้าเรียนต่อของที่นี่สร้าง
ความภูมิใจให้ดิฉันมาก ในหนึ่งห้องมีนักศึกษาอินเดียที่มาจากแต่ละรัฐไม่ซ้ำกัน
เป็นความตั้งใจในหลักการของผู้ก่อตั้งสถาบัน ให้เป็นจุดศูนย์กลางระหว่าง
ตะวันตกพบกับตะวันออก ไร้พรมแดน เพื่อนอินเดียร่วมชั้น12 คน ต่างชาติจะได้รับ
เลือกให้เรียนห้องละคนนั่นก็คือดิฉันเป็นต่างชาติคนเดียวในห้อง ใช้เวลาเรียน 2
ปี
การเรียนการสอนที่นี่ไม่มีอาจารย์มาจ้ำจี้จ้ำไช หรือต้องส่งเสก็ตซ์งาน ผ่านถึงจะ
ลงมือทำได้ แต่เป็นการเรียนที่คุณต้องรับผิดชอบตัวเอง ทำงาน ๆ ถึงเวลาอาจารย์
จะมาแนะแนวทางว่าควรศึกษาต่อยอดส่วนไหนต่อโดยไม่เอาความคิดเห็นของ
อาจารย์เข้าไปในงานของเรา อิสระทางความคิด ในหนึ่งเทอมตรวจงานสองครั้ง
คุณต้องทำงานออกมาให้ดีที่สุดและวันสอบส่งงานผลงานของคุณจะเป็นตัวชี้วัด
นักศึกษาทุกคนในคณะและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมงานที่คุณทำมาทั้งเทอมได้
หลังจากเรียนจบก็ยังใช้ชีวิตและเรียนๆเล่นๆอีก1ปีในอินเดีย มีโอกาสได้ลงไปใต้
สุดของอินเดีย และขอเรียนจิตรกรรมฝาผนังสกุลช่างเคราล่า (kerala)ซึ่งดิฉัน
เรียนแบบรวบรัดใช้เวลาไม่นานเพราะมีพื้นฐานงานจิตรกรรมไทยเป็นที่ฮือฮาใน
สถาบันคุรุวายู โดยรวมการวาดระบายสี กระทบเส้นเหมือนกัน แหล่งที่มาสี
ธรรมชาติคล้ายๆกัน ต่างกันที่กาวตัวประสานยึดติดและวิธีการทำพื้นผนังที่ต่างกัน
มาก
โดยรวมแล้วชีวิตในการศึกษาที่อินเดียมีค่ามากมายเพราะไม่ใช่ชีวิตในห้องเรียน
เท่านั้น แต่เป็นชีวิตที่ดิฉันจะต้องอยู่ให้ได้ในสังคม หมู่บ้าน เพื่อนบ้าน รวมถึงการ
เดินทางอยู่อย่างไรให้ปลอดภัย สุขใจและสบายใจ อินเดียเป็นคำตอบที่ดีในการ
ใช้ชีวิต ยากจนหรือร่ำรวยก็อยู่บนตู้รถไฟเดียวกัน ถนนเส้นเดียวกันมีทั้ง รถยนต์
มอเตอร์ไซค์ จักรยาน วัว ควาย แพะ หมาแมว ลา เป็นเมืองที่สอนให้รู้จักการใช้
ชีวิตที่ดีที่สุด
JY.
คุณชอบผลงานของศิลปินคนไหนมากที่สุด?จะเป็นศิลปินไทยหรือ
ต่างประเทศก็ได้
WS.
ศิลปินที่ฉันชื่นชมเป็นพิเศษคือ Gustav Klimt ศิลปินไทยชื่นชอบผลงาน
ของอาจารย์เฉลิม นาคีรักษ์
JY.
คุณพอใจกับผลงานที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด?
WS.
งานที่ผ่านมาของตนเองก็พอใจที่ทำออกมาสำเร็จในทุกชิ้น ชอบในช่วงเวลา
นั้นๆ แต่ย้อนกลับไปดูอาจมีข้อที่ต้องแก้ไข ก็นำไปพัฒนาในชิ้นต่อๆไป
JY.
เล่าถึงการใช้วัสดุอุปกรณ์ละเทคนิคต่างๆของคุณ และเพื่อนศิลปินที่คุณ
ร่วมงานด้วยล่ะ?
WS.
อุปกรณ์และเทคนิคการวาดภาพเป็นเรื่องเฉพาะตน ต้องลองปฏิบัติ ลงมือทำ
ด้วยตนเองแล้วจะรู้ เลือกของคุณภาพดีไว้ก่อนอย่าเห็นแก่ของราคาถูกของแพง
อาจย่นระยะเวลาในการทำงานไปได้มาก เช่นสีซีรีย์สูงๆ ผสมสีอย่างไรก็ได้ตาม
ตั้งใจ แต่ใช้สีซีรีย์ต่ำ ผสมยังไงก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ
เผลอๆผสมไปเรื่อยจนต้อง
ทิ้ง
เคยร่วมงานเขียนภาพกับคุณแฟน (กฤษณะ ชวนคุณากร) ร่วมวาดภาพในโบสถ์
วัดอนันทเมตยาราม ประเทศสิงคโปร์ ใช้เวลา 3 ปีวาดกันเพียงสองคน แต่ก็มี
โอกาสได้ชมงานแสดงศิลปะใหญ่ๆที่สิงคโปร์จัดขึ้นตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นั่น
ด้านงานแสดงศิลปะส่วนใหญ่ก็มักแสดงคู่กับคุณกฤษณะมาโดยตลอด
การเข้ามาช่วยสังคมของศิลปินไทยในปัจจุบันนับว่าดียิ่งขึ้น คนรุ่นใหม่เข้าถึงงาน
ศิลปะอย่างเห็นได้ชัด งานสตรีทอาร์ตที่ได้รับความนิยม คนไม่เรียนรู้ศิลปะก็ซึม
ซับเข้าถึงได้แค่เห็นสีสันก็ตื่นตาตื่นใจ ยิ่งงานศิลปะที่จับต้องได้
ผู้คนที่ชมเป็นส่วน
หนึ่งในงานยิ่งสร้างความสุข สนุกกับผู้ชม ไม่ใช่การสื่อสารทางเดียวแต่มีผู้รับสาร
และเข้าถึงสารที่ผู้สร้างสรรค์ต้องการนำเสนอ ศิลปะจึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่สูงจนเอื้อม
ไม่ถึงอีกต่อไป
|